ยังคงคอนเซปต์ในการช่วยแก้ปัญหาในการทำงานดีไซน์ให้ผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี สำหรับ Canva เว็บไซต์แพลตฟอร์มเครื่องมือช่วยออกแบบงานดีไซน์ ในรูปแบบ Template สำเร็จรูปชื่อดัง ที่ล่าสุดได้เปิดตัวบริการใหม่อย่าง Canva Video Suite ตัวช่วยสำหรับผู้ที่ต้องการตัดต่อวิดีโอ แต่ใช้โปรแกรมตัดต่อมืออาชีพไม่เป็น
การเปิดตัวบริการใหม่ของ Canva ในครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มเดินหน้าเข้าสู่ตลาดของสื่อเคลื่อนไหวและวิดีโออย่างจริงจัง หลังจากที่ตลอดระยะเวลา 8 ปีนับตั้งแต่เปิดตัว ในปี 2013 Canva ให้บริการเฉพาะเครื่องมือช่วยการออกแบบงานภาพนิ่งและไฟล์เอกสารมาอย่างเดียว
แล้วการเปิดตัวบริการใหม่อย่าง Canva Video Suite จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง รวมถึงเครื่องมือนี้จะช่วยเข้ามาแก้ปัญหางานตัดต่อแสนวุ่นวายให้เป็นเรื่องที่ ‘ง่ายขึ้น’ ได้อย่างไร ไปติดตามกันได้เลย
Canva Video Suite คืออะไร ?
Canva Video Suite คือบริการใหม่ของ Canva มีหน้าที่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่ง ตัดต่อ หรือผลิตวิดีโอคอนเทนต์แบบครบวงจร บนแพลตฟอร์ม เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้และทักษะการใช้งานโปรแกรมตัดต่อต่าง ๆ ได้สามารถตัดต่อวิดีโอแบบง่าย ๆ ให้ผลงานออกมาดูดีไม่แพ้การใช้โปรแกรมมืออาชีพ และที่สำคัญคือเริ่มต้นใช้งานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ในการเริ่มต้นใช้งานนั้น ผู้ใช้งานต้องเริ่มสร้าง Account กับทาง Canva ก่อน หรือถ้ามี Account อยู่แล้วก็สามารถเริ่มต้นใช้งานได้เลย จากนั้นเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ของ Canva Video Suite เพื่อเลือก Type ของวิดีโอที่คุณต้องการสร้างได้เลย
โดยจุดเด่นของ Canva Video Suite คือมี Type ของวิดีโอให้เลือกครอบคลุมทุกประเภทสื่อ ทุกสไตล์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น
- Youtube Video - สร้างวิดีโอสำหรับลง Youtube
- Stories Video - สร้างวิดีโอสำหรับลง Instagram&Facebook Stories
- TikTok Video - สร้างวิดีโอสำหรับลงบน TikTok
- Reels Video - สร้างวิดีโอสำหรับลงบนฟีเจอร์ Reels ของ Instagram
- Facebook Video - สร้างวิดีโอสำหรับลงบน Facebook
- Mobile Friendly Video - สร้างวิดีโอแนวตั้ง ไซส์ที่เหมาะกับการรับชมบนโทรศัพท์
- Video Messages - สร้างวิดีโอข้อความ เช่น วิดีโออวยพรวันเกิด วันครบรอบแต่งงาน
- Slideshow Video - สร้างวิดีโอแบบ Presentation Slideshow เลื่อนเป็นหน้า ๆ
ซึ่งในทุก Type of Video ที่กล่าวไปนั้น Canva จะมีการกำหนด Size สำเร็จรูปและสไตล์ของ Layout ต่าง ๆ มาให้คุณเรียบร้อยแล้ว ทำให้คุณไม่ต้องไปปรับแต่งอะไรให้วุ่นวายอีกเลย (หรือจะปรับแต่งเองแบบ Customize ก็ได้เหมือนกัน)
ซึ่งเมื่อคุณกดเลือก Type ของวิดีโอที่คุณต้องการใช้งานเรียบร้อยแล้ว ทาง Canva ก็ยังมีจุดเด่นที่มาช่วยคุณในเรื่อง Template เหมือนเดิม โดยคุณสามารถเลือก Template สำเร็จรูปที่ทาง Canva มีให้เกือบ 1,000+ Video Template ช่วยสร้างสรรค์วิดีโอของคุณให้เสร็จสมบูรณ์ได้เร็วและสวยงามมากขึ้น
โดยก็มีตัวเลือกของ Template ที่ตอบโจทย์ทุกการสร้างวิดีโอคอนเทนต์มากมาย เช่นถ้าคุณต้องการสร้าง Youtube Video ตัวเลือก Template สำเร็จรูป ก็จะมีให้คุณได้เลือกว่าจะเป็นวิดีโอเกี่ยวกับอะไรเช่น Reviews Video, Explainer Video หรืออื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานวิดีโอคอนเทนต์ของคุณ
แต่ถ้าเกิดว่าไม่ต้องการใช้งานTemplate ทาง Canva ก็ไม่ได้บังคับ อนุญาตให้คุณสามารถ Customize สไตล์ขึ้นมาเอง ออกแบบตามใจคุณได้เหมือนกัน
และเมื่อคุณได้เลือก Template เสร็จแล้ว ก็สามารถใช้งาน Template ต่าง ๆ ที่ภายในมีอีกหลาย Layout และ Transition ในการตกแต่งวิดีโอของคุณได้เลย (ใช้การ Drag&Drop) ซึ่งใน Template นั้น ๆ ที่คุณเลือก Canva อนุญาตให้คุณเปลี่ยนแปลงหรือขยายขนาดข้อความ ฟอนต์ ภาพประกอบ และสีของ Background ได้อย่างอิสระ
หรือในกรณีที่คุณมีไฟล์วิดีโอ ไฟล์รูป หรือไฟล์เสียง (หากต้องการเพิ่มเสียงบรรยายให้วิดีโอ) ที่ต้องการใช้งานอยู่แล้ว ก็สามารถกด Upload เข้าไปยัง Canva Video Suite ได้เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องยึดรูปและวิดีโอตาม Template สำเร็จรูปก็ได้ แม้แต่การอัดหน้าจอ Screen Recording กรณีที่เป็นวิดีโอสอนการใช้งานต่าง ๆ Canva Video Suite ก็สามารถจัดการให้คุณได้ภายในคลิกเดียว
ซึ่งถ้าใครที่เคยใช้งาน Canva ในการสร้างงานออกแบบประเภทอื่นมาก่อน น่าจะใช้งานเครื่องมือนี้ได้ไม่ยากเลย เพราะลักษณะการใช้งานเกือบทั้งหมดจะคล้ายกัน แต่จะต่างกันตรงที่จากไฟล์เอกสาร ไฟล์รูป มาเป็นไฟล์วิดีโอภาพเคลื่อนไหว เท่านั้นเอง
แต่อย่างไรก็ตามบาง Template หรือบางฟอนต์ที่ใช้ใน Canva Video Suite ผู้ใช้งานในเวอร์ชันฟรีจะไม่สามารถใช้ได้ ซึ่งถ้าใครที่อยากใช้งาน Template หรือฟอนต์ครบทุกแบบ ก็ต้องสมัครแพคเกจ Canva Pro โดยมีค่าใช้จ่ายแบบรายเดือนอยู่ที่เดือนละ 229 บาท และรายปีอยู่ที่ปีละ 1,850 บาท หรือจะเลือกทดลองใช้งาน Canva Pro แบบฟรี 30 วันเพื่อทดสอบการใช้งานจริงก่อนได้
โดย Canva Pro นี้สามารถใช้งานได้ทั้ง การออกแบบงานดีไซน์ในรูปแบบปกติ (ไฟล์ Resume, Presentation และอื่น ๆ) และ Canva Video Suite ด้วย
เรียกได้ว่า Canva Video Suite ถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับเหล่า Content Creator หรือผู้ที่ต้องทำงานเกี่ยวกับวิดีโอได้เป็นอย่างดี เพราะทั้งสะดวก รวดเร็ว ปรับแต่งเองได้ แถมชิ้นงานที่ได้ก็อยู่ในเกณฑ์สวยงามไม่แพ้การออกแบบด้วยโปรแกรมตัดต่อมืออาชีพ
นี่แหละ Canva! เบื้องหลังการคิดค้น Video Suite ที่มาจาก ‘ปัญหา’ ของผู้ใช้งานยุคปัจจุบันจริง ๆ
สำหรับใครที่ติดตามคอนเทนต์ของ The Growth Master หรืออยู่ในกลุ่ม Techtribe Thailand อยู่แล้ว น่าจะพอทราบว่าเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Canva เพิ่งจะประกาศว่าพวกเขา มีมูลค่าธุรกิจทะลุ 15,000 ล้านดอลลาร์เรียบร้อยแล้ว พร้อมตัวเลขของผู้ใช้งานที่มากกว่า 55 ล้านคนทั่วโลก แสดงให้เห็นถึงการเติบโตและการไม่หยุดพัฒนาของ Canva
ซึ่งก็สอดคล้องกับเบื้องหลังในการคิดค้นบริการ Video Suite ที่ถูกออกมาเปิดเผยโดย Robert Kawalsky หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Canva (Head Of Product) ว่าสาเหตุที่พวกเขาคิดค้นบริการในรูปแบบของเครื่องมือการสร้างสรรค์ชิ้นงานวิดีโอขึ้นมานั้น ก็เพราะว่างานสื่อวิดีโอ หรือสื่อเคลื่อนไหวนั้น เริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการทำงานยุคปัจจุบันขององค์กรทุกขนาด
แต่ที่น่าแปลกใจมากกว่าคือในปัจจุบัน ‘เครื่องมือ’ ที่ช่วยในเรื่องการสร้างสรรค์ชิ้นงานวิดีโอ กลับยังใช้งานยาก ต้องศึกษามาเป็นเวลานานถึงจะใช้งานคล่อง จำกัดการใช้งาน และมีราคาของโปรแกรมที่สูง ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ที่ต้องการสร้างสรรค์วิดีโอต้องพบกับความลำบาก
เลยเป็นเหตุผลให้ทีมผลิตภัณฑ์ของ Canva เริ่มทำการสำรวจคนทำงานในสหรัฐฯ กว่า 1,300 คน พบว่า 80% ของผู้ร่วมโครงการ ต้องทำงานและใช้ทักษะความรู้ด้านงานวิดีโออยู่เป็นประจำ และ 75% มีปัญหาคือไม่มีความรู้มากพอในการใช้งานเครื่องมือสร้างงานวิดีโอที่เหมาะสม รวมถึงไม่มีทักษะมากพอที่จะเริ่มสร้างงานวิดีโอด้วยเครื่องมือแบบมืออาชีพ
ซึ่งก็เหมือนกับตอนที่ Canva เริ่มคิดค้นบริการช่วยออกแบบงานดีไซน์ในปี 2007 ที่ Melanie Perkins ผู้ก่อตั้ง Canva สมัยตอนเธอยังทำงานเป็นอาจารย์ที่ออสเตรเลีย ได้รับ Feedback มาจากปัญหาของลูกศิษย์ ที่บอกว่าโปรแกรมสร้างงานออกแบบอย่าง Indesign และ Photoshop ที่เธอกำลังสอนนั้นใช้งานยากและวุ่นวาย กว่าจะสร้างงานออกแบบเป็นงานที่เสร็จสมบูรณ์ได้
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนั้นเอง จึงทำให้ทีมผลิตภัณฑ์ของ Canva เริ่มลงมือพัฒนาตัวบริการ Video Suite ให้เริ่มใช้งานได้จริง โดยมีเป้าหมายคือการช่วยให้การสร้างสรรค์ ตัดต่อ ปรับแต่ง วิดีโอคอนเทนต์ของผู้ใช้งาน เป็นเรื่องที่ง่าย สะดวก และรวดเร็วมากขึ้น ตามวิสัยทัศน์ของ Canva ที่ต้องการให้ผู้ใช้งานทุกคน ที่มี Pain Point กับการสร้างสรรค์งานออกแบบ พบว่าการใช้ Canva นั้นก็สามารถสร้างสรรค์ชิ้นงานที่มีคุณภาพ ได้ไม่แพ้การใช้โปรแกรมมืออาชีพ (และถือเป็น AHA Moment ของ Canva ด้วย)
สำหรับใครที่ต้องการศึกษาข้อมูลของ Canva รวมถึงกลยุทธ์ทั้งหมดที่พวกเขาใช้สร้างการเติบโต สู่การเป็น Graphic Design Platform อันดับต้น ๆ ของโลกนั้น สามารถเข้าไปดูได้ที่บทความนี้เลย
สรุปทั้งหมด
สำหรับใครที่สนใจอยากเริ่มใช้งาน Canva Video Suite สร้างสรรค์ชิ้นงานวิดีโอนั้น สามารถเริ่มใช้งานฟรีได้เลยที่ www.canva.com/videos (ต้องสมัคร Account กับ Canva ก่อน) โดยในอนาคตเชื่อว่าทีมผลิตภัณฑ์ของ Canva น่าจะมีการพัฒนาตัวเครื่องมือ Video Suite ให้มีฟีเจอร์การใช้งานที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากขึ้นไปเรื่อย ๆ แน่นอน
อย่างไรก็ตามถือว่าการเปิดตัวเครื่องมือ Video Suite ของทาง Canva ในครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณที่บอกว่า Canva กำลังจะมีกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตครั้งใหม่ ที่จะมุ่งเน้นไปที่การช่วยแก้ปัญหาให้ผู้ใช้งาน และสร้างคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งคงจะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ในปีนี้ตัวเลขผู้ใช้งานของ Canva คงไม่หยุดนิ่งที่ 55 ล้านคนแน่นอน