Services
Services
Performance MarketingContent Led GrowthLaunchpad WebsiteBranding
PORTFOLIO
Let's Talk
Services
Performance MarketingContent Led GrowthLaunchpad WebsiteBranding
Services
Portfolio
Let's Talk
คุยกับเรา
Thank you! Your submission has been received!
Oops! Something went wrong while submitting the form.

Growth Update

Facebook รายได้เติบโตมากขึ้นใน Q3 พร้อมเผยกลุ่มเป้าหมายใหม่ หลังกลุ่มวัยรุ่นใช้งานน้อยลง

พี่มาร์คงานเข้า! Facebook มีรายได้เติบโตมากขึ้นในไตรมาสที่ 3/2021 แต่ผู้ใช้งานกลุ่มวัยรุ่น (อายุต่ำกว่า 20ปี) เริ่มใช้งาน Facebook น้อยลงและมีแนวโน้มที่จะลงลงอีกเยอะในอนาคต
By
Pea Tanachote
October 27, 2021
Light
Dark
ส่งต่อเรื่องราวดีๆ

แม้ว่าจะพบข้อผิดพลาดด้านการใช้งานมากขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่ก็ต้องยอมรับว่า Facebook ยังคงเป็นผู้นำเบอร์ 1 ด้านแพลตฟอร์ม Social Media ของโลกต่อไป หลังจากเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Facebook นำโดย Mark Zuckerberg ได้ออกมาแถลงการณ์ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3/2021

ซึ่งจากรายงานผลประกอบการนั้นพบว่า Facebook สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 35% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน (2020) โดยรายได้หลักยังมาจากค่าโฆษณาเหมือนไตรมาสที่แล้ว ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับ Monthly Active Users ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แต่อย่างไรก็ตามมีประเด็นสำคัญในไตรมาสนี้ ที่ Mark Zuckerberg ต้องออกมาแถลงการณ์อย่างตรงไปตรงมา ในเรื่องของกลุ่มเป้าหมายที่ใช้งาน Facebook ที่มีการเปลี่ยนแปลง เมื่อกลุ่มวัยรุ่นใช้งาน Facebook น้อยลง เพราะมองว่าเป็นแพลตฟอร์มของคนแก่ ซึ่งทำเอา Mark Zuckerberg ถึงกับต้องเร่งประชุมทีมครั้งใหญ่ แล้วรายละเอียดทั้งหมดจะเป็นอย่างไรบ้าง ติดตามต่อได้ในบทความนี้

ผู้นำ No.1 ! Facebook รายได้เติบโตขึ้นกว่า 35% ในไตรมาสที่เต็มไปด้วยปัญหา

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา Facebook ได้ทำการเปิดเผย รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 3/2021 พบว่ารายได้ทั้งหมดอยู่ที่ 29,010 ล้านดอลลาร์ (นับถึงวันที่ 30 กันยายน) ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นกว่า 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ที่รายได้อยู่ที่ 21,470 ล้านดอลลาร์

ซึ่งตัวเลขที่น่าสนใจอยู่ที่รายได้จากค่าโฆษณาที่เป็นช่องทางที่ Facebook สามารถสร้างรายได้ได้มากที่สุด โดยในไตรมาส 3/2021 รายได้จากค่าโฆษณาของ Facebook อยู่ที่ 28,276 ล้านดอลลาร์ นับว่าเพิ่มขึ้นถึง 33% เมื่อเทียบกับปี 2020 ที่ทำรายได้จากค่าโฆษณาไปแค่ 21,221 ล้านดอลลาร์ เท่านั้น

ภาพจาก facebook

ส่วนกำไรสุทธิที่ Facebook กวาดไปได้ในไตรมาสนี้ ก็มีจำนวนสูงถึง 9,194 ล้านดอลลาร์ โดยเพิ่มขึ้นกว่า 1,400 ล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว (ช่วงไตรมาส 3/2020 ทำกำไรได้ทั้งหมด 7,846 ล้านดอลลาร์) ซึ่งถือว่ามากกว่าที่ Facebook คิดไว้เพราะถือว่ากำไรยังคงเติบโตขึ้น แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงของการทำโฆษณา Facebook บนระบบปฏิบัติการ iOS แบบใหม่ 

ภาพจาก facebook

ไม่เพียงแต่เรื่องรายได้และกำไรเท่านั้น ที่ Facebook ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเพราะ ตัวเลขจำนวนผู้ใช้งาน Facebook เป็นประจำทุกเดือน หรือ Monthly Active Users ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยในไตรมาส 3/2021 มีตัวเลข MAU’s เพิ่มขึ้น 6% หรือเท่ากับ 2,910 ล้านบัญชีจากทั่วโลก นับเฉพาะแค่แพลตฟอร์ม Facebook อย่างเดียวเท่านั้น

แต่ถ้าเกิดนับตัวเลขของแพลตฟอร์มอื่น ๆ ในเครือของ Facebook ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น Instagram, WhatsApp, Messenger และบริการอื่น ๆ จะมีตัวเลขผู้ใช้งานรวมอยู่ที่ 3,580 พันล้านคน นับว่าเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว

โดยเรื่องนี้ทาง CFO (Chief Financial Officer) ของ Facebook อย่าง Dave Wehner ได้ออกมาแถลงการณ์เอาไว้เพิ่มเติมว่า จริงอยู่ที่รายได้และกำไรส่วนใหญ่ของ Facebook ยังคงเติบโตได้ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าผลกระทบของรายได้โฆษณาที่จะเกิดขึ้นในไตรมาสถัดไป (4/2021) นั้นยังมีความไม่ชัดเจนเป็นอย่างมาก

เพราะผลกระทบจากเรื่องการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวของ iOS 14.5 ที่ทำให้ผู้ใช้งาน iOS สามารถเลือกได้ว่าจะให้แอปพลิเคชันต่าง ๆ Tracking การใช้งานหรือไม่ ยังส่งผลอยู่และมีแนวโน้มว่าคนส่วนใหญ่จะเริ่มกดไม่ให้ติดตามเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงภาพรวมของเศรษฐกิจโลกจากโควิด-19 ก็ยังไม่ฟื้นตัวเป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ 

David Wehner ซีเอฟโอคนปัจจุบันของ Facebook l ภาพจาก cnbc

ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ Facebook และทีมงานทุกคนจะต้องวางแผนรับมือถึงความเปลี่ยนแปลงที่ Dave Wehner ได้กล่าวมาให้ได้ เพื่อการสร้างการเติบโตที่มากขึ้นไปกว่าเดิมในไตรมาสหรือปีถัดไป อีกทั้งในไตรมาสหน้า Facebook จะมีการแบ่ง Category ของธุรกิจออกเป็น 2 ประเภท เพื่อความง่ายในการจำแนกได้แก่

  • Family of Apps (FoA) คือ บริการแพลตฟอร์มหลักที่รวม Facebook, Instagram, Messenger, WhatsApp และบริการแพลตฟอร์มอื่น ๆ ในเครือ Facebook ทั้งหมด
  • Facebook Reality Labs (FRL) คือ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และคอนเทนต์ของ VR และ AR ทั้งหมดในเครือ Facebook เช่น แว่นตา RayBan Stories ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานก็นับว่าเป็นธุรกิจฝั่ง FRL เหมือนกัน

โดยในไตรมาสหน้า Facebook จะมีการจำแนกตัวเลขรายได้และกำไร ของทั้ง 2 ประเภทธุรกิจอย่างชัดเจนมากขึ้น เพื่อให้เห็นถึงการเติบโตของแต่ละ Business Unit ที่ Facebook มีอยู่อย่างชัดเจน เพื่อสเกลการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ

กลุ่มเป้าหมายเปลี่ยน! เมื่อ Facebook ไม่ใช่แพลตฟอร์มที่ถูกยอมรับของกลุ่มวัยรุ่นอีกต่อไป..

อย่างไรก็ตามแม้ตัวเลขรายได้และผลกำไรของ Facebook ในไตรมาสนี้ยังสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ต้องมีเรื่องให้ Mark Zuckerberg วุ่นวายกันต่อ เพราะมีสื่อหลายสำนักจากสหรัฐฯ ได้ออกมาเผยว่า จริง ๆ แล้วตอนนี้ Facebook กำลังปิดข่าวเรื่องที่กลุ่มวัยรุ่นในสหรัฐฯ ใช้งาน Facebook กันน้อยลง โดยจากตัวเลขที่มีการเก็บสถิติมาล่าสุดพบว่า ในปี 2019 ผู้ใช้งาน Facebook ที่เป็นกลุ่มวัยรุ่น (อายุต่ำกว่า 20 ปี) มีจำนวนลดลงถึง 13%

และทีมงานของ Facebook ได้มีการคาดการณ์ไว้ว่าในอีก 2 ปีข้างหน้า จะมีจำนวนผู้ใช้งานกลุ่มวัยรุ่นที่ลดลงไปอีกกว่า 45% อีกทั้งกลุ่มผู้ใช้งานที่มีอายุ 20-30 ปี ก็จะมีจำนวนลดลงอีก 4% ด้วยเช่นกัน

ภาพจาก ndtv

รวมถึงสื่อชั้นนำอย่าง The Verge และ Bloomberg ยังได้ออกมาเปิดเผยอีกว่าจำนวนผู้ใช้งานฐานกลุ่มวัยรุ่นของ Facebook กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะพวกเขาเกิดค่านิยมว่า Facebook เป็นแพลตฟอร์มของผู้ใหญ่ช่วงอายุ 40-50 ปี ที่เต็มไปด้วยเนื้อหาและโพสต์แสนน่าเบื่อ มีแต่เนื้อหาแง่มุมด้านลบ

ในทางกลับกันแพลตฟอร์มที่อยู่ในเครือเดียวกันกับ Facebook อย่าง Instagram กลับเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่นมากกว่า แต่จำนวนผู้ใช้งานกลุ่มวัยรุ่นก็กำลังลดลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในประเทศใหญ่ ๆ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น แต่ก็ยังไม่ใช่เรื่องที่ Instagram ต้องหนักใจเท่าไรเพราะตัวเลขผู้ใช้งานกลุ่มวัยรุ่น (ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี) ของ Facebook นั้นลดลงเร็วกว่ามาก 

โดยปัญหานี้ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่ทาง Facebook นำโดยหัวเรือใหญ่อย่าง Mark Zuckerberg ต้องออกมาจัดการโดยด่วน เพราะเป็นปัญหาที่กระทบต่อประสบการณ์การใช้งานและภาพลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่ง Mark Zuckerberg ถึงขั้นประชุมด่วนกับทีมเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

ซึ่งในการประชุมครั้งนั้นทำให้ Mark Zuckerberg ได้ข้อสรุปในการเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายใหม่ เป็นเหมือนการโฟกัสครั้งใหม่ของบริษัท ซึ่งฐานลูกค้าที่ Facebook เล็งไว้ใหม่ก็คือ กลุ่มวัยหนุ่ม-สาว หรือกลุ่มอายุ 18-29 ปี ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ Facebook เท่านั้น แต่รวมถึง Instagram ที่จะมีการเปลี่ยนทิศทางไปเจาะกลุ่มเป้าหมายในช่วงอายุนี้ที่มากขึ้นด้วย

ภาพจาก fortune

แต่จะมีการเปลี่ยนทิศทางการเข้าหากลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ อย่างไรก็ตาม Mark Zuckerberg ก็ยังยืนยันว่าจะไม่ได้ทิ้งกลุ่มเป้าหมายอื่น ๆ เพราะ Facebook ยังมีความจำเป็นต้องสร้างการเติบโตและใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อสร้าง Metaverse หรือรูปแบบของการสร้างองค์กรแบบใหม่ที่เชื่อมต่อระหว่าง Virtual Reality และโลกมนุษย์จริง ๆ ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งเป็นแผนการที่ Mark Zuckerberg ยืนยันว่าไม่ทิ้งแน่นอน

โดย Mark กล่าวเพิ่มเติมถึงคู่แข่งที่น่ากลัวของ Facebook ไว้ว่าตอนนี้เราต้องจับตาการเติบโตของ TikTok และ iMessage (แอปแชทของ Apple) ที่กำลังมาแรง ที่ตอนนี้เรากำลังเร่งพัฒนาฟีเจอร์ Reels ของ Instagram อย่างหนัก เพื่อใช้ในการแข่งขันกับแพลตฟอร์มที่กล่าวมา ซึ่งในปีหน้า Facebook จะมีวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอมากขึ้น หลังจากที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทั้ง Facebook และ Instagram เพิ่มฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับคอนเทนต์วิดีโอมาเป็นจำนวนมาก 

รวมถึงเป้าหมายในการสร้าง Metaverse ก็รวมอยู่ในทิศทางปีหน้าของบริษัทด้วยเช่นกัน ซี่งเรื่องนี้ Mark ได้กล่าวปิดท้ายว่า Facebook นั้นเอาจริงกับการสร้าง Metaverse เป็นอย่างมากโดยเรามีเป้าหมายให้สามารถเข้าถึงได้ในหลักพันล้านคนทั่วโลก ซึ่งจะช่วยสร้างประโยชน์ทางการค้าและเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคตได้เป็นอย่างดี ซึ่งเราคาดการณ์ว่าอาจมีมูลค่าสูงถึงหลักแสนล้านดอลลาร์

ภาพจาก hummingzone

สรุปทั้งหมด

นับว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายโจทย์การทำงานของ Facebook เป็นอย่างมากในการเปลี่ยนทิศทางการเจาะกลุ่มเป้าหมาย ที่จะไปเน้นโฟกัสสร้างฟีเจอร์เจาะกลุ่มวัยทำงาน กลุ่มวัยหนุ่มสาวมากขึ้น แล้วดันให้ Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ในการสร้างการแข่งขันกับคลื่นลูกใหม่ (ที่ใหญ่มาก) อย่าง TikTok 

คราวนี้ต้องมาดูกันว่า Facebook นำโดย Mark Zuckerberg จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับ Facebook ในปีหน้าได้มากแค่ไหน แล้วสิ่งที่ Mark ตั้งเป้าหมายไว้อย่างการสร้างโลก Metaverse จะเป็นจริงหรือไม่ เชื่อว่าปีหน้า (หรืออีกไม่เกิน 3 ปี) เราน่าจะได้เห็นเค้าโครงรูปร่างมากขึ้นอย่างแน่นอน 

แต่จะออกมาประสบความสำเร็จเหมือนที่พวกเขาตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ Users อย่างเราทุกคน จะเป็นผู้ที่กำหนด..

Source : facebook , theverge , bloomberg , engadget
ส่งต่อเรื่องราวดีๆ

คุณอาจจะชอบบทความนี้...

สรุปสถิติ Digital และ Social Media จาก We Are Social ที่นักการตลาดทุกคนต้องรู้ อัปเดตปี 2023
รวม 7 บทความการตลาดที่เราแนะนำให้คุณอ่านก่อนปี 2023

ไม่พลาดทุกข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น

ติดตามได้หลากหลายช่องทางที่คุณสะดวก ไม่ว่าจะเป็น e-mail, line หรือ youtube
Subscribe

เราช่วยธุรกิจของคุณให้เติบโตอย่างยั่งยืนบนโลกดิจิทัลด้วยการใช้ศาสตร์ Growth, เครื่องมือด้านเทคโนโลยี, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการสร้างทีม

Services
Growth AgencyDesign StudioSoftware ConsultingDigital TalentsOur Portfolio
Category
All ArticlesSoftware ReviewGrowth Trends
Company
We're HiringCommunityContact
ติดตามข้อมูลการตลาด
Growth Hacking ได้เลยทีนี่
มากกว่า 4,000 บริษัทติดตาม The Growth Master ตอนนี้
ไปที่หน้า Subscribe

© Copyright 2024 The Growth Master Company Limited All Rights Reserved