สำหรับใครที่ชอบเล่นโซเชียลมีเดียอย่าง Instagram น่าจะต้องคุ้นเคยกับการถ่ายรูปหรือสตอรี่ด้วยโหมด Boomerang ที่เป็นโหมดการถ่ายภาพเคลื่อนไหวแบบสั้น ๆ แชร์ช่วงเวลาในชีวิตประจำวันได้แบบมีสีสัน ที่ถูกเปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2016
รวมถึงการถ่ายวิดีโอแบบ Hyperlapse ที่เป็นฟีเจอร์สำหรับการถ่ายวิดีโอที่มีความใกล้เคียงกับ Timelapse หรือการถ่ายวิดีโอแบบเร่งช่วงเวลา ซึ่งเป็น 2 ฟีเจอร์การสร้างคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมใน Instagram จนได้สร้างแอปพลิเคชันแยกขึ้นมา สำหรับสร้างสรรค์คอนเทนต์โดยไม่ต้องเข้าไปที่ Instagram แอปหลัก
แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทาง Instagram ได้ประกาศว่า พวกเขาจะหยุดให้บริการแอปพลิเคชันทั้ง 2 นี้แล้ว โดยจะถอดแอปทั้งคู่ออกจากทุกช่องทางในการดาวน์โหลดทั้ง App Store และ Play Store เพื่อนำ 2 ฟีเจอร์นี้กลับไปอยู่ในแอป Instagram เพียงแอปเดียว แต่สาเหตุที่แท้จริงว่าทำไม Instagram ถึงตัดสินใจเช่นนี้ เราสรุปเนื้อหาทั้งหมดมาให้คุณแล้ว ไปติดตามกันต่อได้เลย
Instagram ประกาศถอดแอป Boomerang และ Hyperlapse ออกจากทุกช่องทางในการดาวน์โหลดแล้ว
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทาง Instagram พวกเขาจะหยุดให้บริการแอปพลิเคชันทั้ง 2 นี้อย่างแน่นอนแล้ว โดยจะถอดแอปทั้งคู่ออกจากทุกช่องทางในการดาวน์โหลดทั้ง App Store และ Play Store เพื่อนำ 2 ฟีเจอร์นี้กลับไปอยู่ในแอป Instagram เหมือนเดิม
ซึ่งต้องเกริ่นก่อนว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วทาง Instagram ก็ได้ทำการถอดแอป IGTV ออกจากทุกช่องทางในการดาวน์โหลดเหมือนกัน เพื่อรวมทุกคอนเทนต์ที่เป็นรูปแบบของวิดีโอ ภาพเคลื่อนไหว ให้เข้าไปอยู่ใน Instagram แอปหลักเพียงแอปเดียว และนำเวลาไปโฟกัสในการเพิ่มการเติบโตให้กับ Reels เพื่อหวังสร้างการแข่งขันกับทาง TikTok ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งเบื้องหลังของการที่ Instagram ประกาศถอดแอป Boomerang และ Hyperlapse ออกจากทุกช่องทางในการดาวน์โหลด เพื่อนำไปรวมเข้ากับแอปหลักเหมือนเดิมนั้น โดยข้อมูลจาก Matt Navarra นักข่าวและผู้เชี่ยวชาญด้าน Social Media ได้ออกมาเปิดเผยว่า สาเหตุที่ Instagram ต้องนำ 2 ฟีเจอร์นั้นเป็นทำเป็นแอปพลิเคชันแยก
เพราะทาง Instagram นั้นมีความกังวลของบริษัทเกี่ยวกับการบรรจุแอปหลักที่มีฟีเจอร์มากเกินไป แต่ในตอนนี้ความกังวลของพวกเขาได้หมดลงแล้ว และ Instagram ต้องการให้การสร้างสรรค์คอนเทนต์ผ่านรูปภาพและวิดีโอทั้งหมด มารวมอยู่ที่แพลตฟอร์มเดียว ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมและประสบการณ์ของผู้ใช้งานที่มีการเปลี่ยนแปลง หันเน้นความสะดวกสบายมากขึ้นนั่นเอง
สรุปทั้งหมด
แต่สำหรับใครที่ชอบการถ่ายรูปด้วยแอป Boomerang หรือ Hyperlapse นั้นไม่ต้องเสียใจไป เพราะทั้ง 2 โหมดการถ่ายรูปนี้ ยังสามารถใช้งานได้แต่ต้องเข้าไปยัง Instagram แอปหลักเท่านั้น (รวมถึง IGTV ด้วย) ซึ่งทาง Instagram ก็ยืนยันด้วยว่าย้ายเข้ามาแล้ว จะไม่ลบฟีเจอร์นี้ออกไปอีกแน่นอน
เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Instagram ที่ยึดจากประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้งานจริง และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนได้ตลอด ซึ่งถือว่าเป็นการทำงานด้วยศาสตร์ Growth Marketing และ Customer Centric อย่างแท้จริง