ไม่ว่าผู้ชายคนนี้จะพูดถึงอะไรก็กลายเป็นกระแสใหญ่ของโลกได้หมดไปซะทุกอย่าง สำหรับ Elon Musk หัวเรือใหญ่ของ SpaceX บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยี ที่เพิ่งจะขึ้นแท่นกลายเป็นมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในโลกไปเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
เพราะล่าสุด Elon Musk ได้ออกมาทวีตข้อความสั้น ๆ แต่สั่นสะเทือนไปทั่วทิศด้วยข้อความว่า “Use Signal” ซึ่งเป็นการชวนให้ทุกคนหันไปใช้บริการแอปพลิเคชัน Signal แอปพลิเคชันสื่อสารในลักษณะ Chating ที่เน้นเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลเป็นอันดับ 1
ซึ่งสาเหตุที่ Elon Musk ต้องออกมาชวนให้ทุกคนหันไปใช้ Signal นี้ก็เป็นเพราะว่าแอปพลิเคชันที่ใช้สำหรับสื่อสารของทางฝั่งอเมริกา อย่าง WhatsApp มีการปรับเงื่อนไขการใช้งานโดยบังคับให้ผู้ใช้ทุกคนต้องแชร์ข้อมูลส่วนตัวให้กับ Facebook ทราบด้วย
เลยทำให้ศาสดาแห่งวงการเทคโนโลยีตอนนี้อย่าง Elon Musk ต้องออกมาชวนให้ทุกคนย้ายหนีจาก WhatsApp ไปหา Signal เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน แต่เรื่องนี้จะมีรายละเอียดและที่มาที่ไปอย่างไร ติดตามต่อได้ในบทความ
รู้จัก Signal แอปพลิเคชันแชทที่โดดเด่นกว่าใครในเรื่องความปลอดภัย
Signal คือแอปพลิเคชันสำหรับการสื่อสารประเภท Chat และการโทรศัพท์ (Call) ที่ฟังแค่นี้ทุกคนอาจจะมองว่าแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากแอปพลิเคชันสื่อสารทั่วไปที่มีอยู่เลยล่ะซิ แต่ความเป็นจริง Signal มีจุดเด่นที่ล้ำลึกกว่าแอปพลิเคชันการสื่อสารทั่ว ๆ ไป
นั่นก็คือแอปพลิเคชัน Signal มีจุดขายในด้านระบบความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ที่เหนือกว่าแอปพลิเคชันอื่น ๆ ด้วยระบบการเข้ารหัสแบบ End to End Encrypted (E2EE) หรือระบบรักษาความปลอดภัย แบบเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง นอกจากคู่สนทนาหรือผู้เข้าร่วมการประชุม จะไม่มีใครที่สามารถแฮ็กจากที่อื่นเข้ามาได้ (เป็นระบบรักษาความปลอดภัยแบบเดียวกับ Zoom ด้วย)
อ่านเรื่อง Zoom นำเทคโนโลยี End to End Encrypted มาใช้ในแพลตฟอร์มได้ที่ บทความนี้
ซึ่งนอกจาก Signal จะโดดเด่นในเรื่องความปลอดภัยแล้วที่สำคัญ Signal ยังโดดเด่นในเรื่องประสบการณ์การใช้งานด้วย เริ่มจากแอปพลิเคชันที่ให้บริการฟรี ไม่เสียเงิน ไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับบริการเสริม
และที่สำคัญที่หลายคนน่าจะชื่นชอบก็คือ Signal เป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นโดยองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร (ใช้ชื่อว่า Signal Foundation โดยได้รับเงินลงทุนจาก Brian Acton อดีตผู้ร่วมก่อตั้ง WhatsApp)
*นอกจากนั้น Brain Acton ยังเคยทำงานใน Facebook มาแล้วด้วย แต่ได้ลาออกไปในปี 2017 เพราะมีเรื่องผิดใจกับ Mark Zuckerberg ในเรื่องของนโยบายความปลอดภัยบนแพลตฟอร์ม จึงทำให้ Brian Acton ยอมลงทุนในด้านความปลอดภัยของแพลตฟอร์มออนไลน์ให้กับธุรกิจอื่น ๆ อยู่ตลอด เพราะเป็นสิ่งที่เขาเคารพมากที่สุด
เลยทำให้ในแอปพลิเคชัน Signal จะไม่มีโฆษณาที่เข้ามากวนใจของคุณอย่างแน่นอน รวมถึงไม่มีการใช้ระบบติดตามเพื่อทำการยิงโฆษณาเหมือนในแอปพลิเคชันอื่น ๆ ด้วย เลยทำให้มั่นใจได้เลยว่า ทุกกิจกรรมของคุณบน Signal จะไม่มีคนนอกเข้ามาล้วงข้อมูลได้เลย
ปัจจุบัน Signal ก็มีการพัฒนาแอปพลิเคชันให้ทันสมัยโดยมีพื้นฐานด้านความปลอดภัยอยู่เสมอ เช่นในปี 2020 ที่ผ่านมาก็เพิ่มฟีเจอร์การสนทนาแบบกลุ่มจำกัดจำนวนไม่เกิน 5 คน , ระบบเบลอหน้าคนอัตโนมัติเมื่อส่งรูปภาพ (ใช้ชื่อว่า Blur Tool) เพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น
แม้ Signal ตอนนี้ยังไม่เป็นที่นิยมในประเทศไทยเท่าไร แต่สำหรับใครที่อยากรู้ฟังก์ชันการทำงานของเจ้า แอปพลิเคชันนี้ก็สามารถดาวน์โหลดมาลองเล่น ๆ ดูก่อนได้ครับ (หาเพื่อนมาคุยด้วยนะ) โดยสามารถใช้งานได้ทั้งใน iOS และ Andriod รวมทั้งระบบปฏิบัติการอื่น ๆ บนคอมพิวเตอร์ก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน
เมื่อ WhatsApp ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป กับการเปลี่ยนข้อบังคับใหม่ ที่ทำให้ผู้ใช้งานต้องส่ายหัว
สาเหตุที่ทำให้เรื่องของความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในการใช้บริการแอปพลิเคชันสื่อสาร ถูกกลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งก็เพราะว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา WhatsApp ได้ทำการประกาศปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวใหม่ นั่นก็คือผู้ใช้งาน WhatsApp ทุกคนจำเป็นต้องแชร์ข้อมูลส่วนตัวอย่างละเอียดให้กับ Facebook ถ้า User คนไหนไม่ส่ง WhatsApp จะปิดบัญชีผู้ใช้งานนั้นทันที
โดยข้อมูลส่วนบุคคลในที่นี้ก็คือ ข้อมูลพื้นฐานเช่น ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ รวมถึงสิทธิ์ในการเข้าถึงสถิติหลังบ้าน เช่น การบันทึกระยะเวลาการใช้งาน, ความถี่ที่ใช้แอปพลิเคชัน, ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีที่ผู้ใช้งานโต้ตอบกับเพื่อน, การระบุอุปกรณ์และผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต, รายละเอียด Web Browser, ความสมบูรณ์ของแบตเตอรี่, เครือข่ายโทรศัพท์, IP Address, ภาษา, เขตเวลา และอื่น ๆ
โดย WhatsApp กล่าวว่าพวกเขาจะนำเอาข้อมูลที่ได้รับนี้ ไปพัฒนาระบบการตลาดและฟังก์ชันการใช้งานที่ดีขึ้นในอนาคต รวมถึงการปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานบนแอปพลิเคชันให้ดีขึ้น
ซึ่งก็แน่นอนว่าการปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวของ WhatsApp ในครั้งนี้ก็โดนกระแสด้านลบมากมาย เพราะการขอข้อมูลส่วนตัวที่เยอะมากแบบนี้ มันย่อมไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้บริการเลย ทำให้ในอเมริกาเกิดกระแสแบน WhatsApp ออกมาแล้ว และส่วนใหญ่ก็เริ่มหันไปใช้งานแอปพลิเคชันที่เน้นเรื่องความปลอดภัยอย่าง Telegram และ Signal กันเพิ่มมากขึ้นในช่วงสัปดาห์
เหมือนถูกหวย! Signal กับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในชั่วข้ามคืน หลัง Elon Musk ทวีตข้อความถึง
หลังจากที่เกิดกระแสแบน WhatsApp ส่งผลให้ Signal มียอดการดาวน์โหลดและติดตั้งมากกว่า 100,000 ครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เรียกได้ว่าเป็นโชคดีของ Signal แล้วที่มียอดผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นโดยที่ตัวเองไม่ต้องออกแรงทำอะไรเลย
แต่ที่ทำให้ Signal เหมือนถูกหวยแจคพอตก็คือการที่ Elon Musk มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลก CEO ของ SpaceX ได้ออกมาทวีตข้อความเชิงประกาศจุดยืนใน Twitter ส่วนตัวที่มีผู้ติดตามเกือบ 42 ล้านคนว่า “Use Signal”
แต่ใครจะไปคิดครับว่าข้อความสั้น ๆ แค่ 9 ตัวอักษรที่ออกมาจาก Elon Musk นี้จะสร้างการเติบโตให้กับ Signal แบบสุดขีดในชั่วข้ามคืน เพราะหลังจากที่ Elon Musk ทวีตข้อความนั้นไปก็ส่งผลให้แอปพลิเคชัน Signal มียอดดาวน์โหลดสูงสุดอันดับ 1 ของ App Store ในหลายประเทศทันที (ได้แก่ อินเดีย เยอรมัน ฝรั่งเศส ฮ่องกง สวิสเซอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และออสเตรีย)
นับว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อของ Signal เป็นอย่างมากที่สามารถยึดอันดับ 1 ของการดาวน์โหลดได้ในชั่วข้ามคืน โดยที่ไม่ได้โฆษณาอะไรเลย และเป็นการทุบสถิติผู้ใช้งานของแอปพลิเคชันตัวเองอีกด้วย ซึ่งต้องบอกว่า งานนี้ Signal คงต้องรีบหลังไมค์ไปขอบคุณ Elon Musk ด่วน ๆ (แต่ด้วยความที่ไม่เคยจับสเกลผู้ใช้งานที่มากระดับนี้ทำให้เมื่อวาน (10 ม.ค.) Signal มีระบบล่มไปบ้างแต่ก็กลับมาแก้ปัญหาได้)
แถมท้ายด้วยเรื่องตลกเล็ก ๆ อีกหนึ่งเรื่อง เพราะหลังจากที่ Elon Musk ทวีตข้อความนั้นไปด้วยข้อความที่สั้นมากเลยทำให้หลายคนเข้าใจผิด นึกว่า Elon Musk พูดถึงเรื่องหุ้น ทำให้หุ้นของบริษัทที่ชื่อคล้ายกันอย่าง Signal Advance Inc. (บริษัทที่ปรึกษาและให้บริการด้านวิศวกรรมที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับแอปพลิเคชัน Signal) มีคนไปรุมซื้อจนราคาพุ่งขึ้นไปกว่า 1,100%
สรุปทั้งหมด
จากเนื้อหาวันนี้เราพอจะสรุปความสำคัญได้ 2 อย่างครับ อย่างแรกก็คือเรื่องของนโยบายความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) ที่ถือเป็นสิ่งที่ผู้ทำธุรกิจในยุคดิจิทัล ต้องหันมาให้ความสนใจอย่างจริงจัง เพราะการลุกล้ำถึงข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าที่ “มากเกินไป” ก็จะทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกด้านลบต่อแบรนด์หรือธุรกิจของคุณได้
และสาระสำคัญอย่างที่ 2 ก็คือการลองหันมาพึ่งพาผู้มีอิทธิพลต่อสังคมในการช่วยโปรโมตแบรนด์หรือธุรกิจของคุณ แม้ในเคสของ Signal จะโชคดีมาก ๆ ที่บุคคลระดับ Elon Musk มากล่าวถึง แต่เรื่องนี้ก็พอจะเป็นกรณีศึกษาได้ว่า การที่บุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกพูดถึงแบรนด์เรา (จะเป็นโฆษณาหรือไม่ก็ตาม) มันก็ย่อมสร้างการเติบโตอย่างมหาศาลในชั่วข้ามคืนให้กับธุรกิจของคุณได้เสมอเช่นกัน