ภายใต้สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชากรทั่วโลกกินระยะเวลามาร่วม 1 ปีเต็ม ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้องค์กรหรือธุรกิจส่วนใหญ่ก็จะต้องหันหน้าเข้าหาความเป็นออนไลน์มากขึ้น โดยอาศัย “ซอฟต์แวร์” หรือเครื่องมือบางอย่างที่จะทำให้การทำงานขององค์กรมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
และหนึ่งในซอฟต์แวร์ด้านการติดต่อสื่อสารของพนักงานในองค์กรที่เป็นที่นิยมที่สุดในเวลานี้ ก็คงหนีไม่พ้น “Workplace From Facebook” ผลิตภัณฑ์ของบริษัทผู้นำด้านโซเชียลมีเดีย ที่ล่าสุดทาง Facebook ได้ทำการเปิดเผยตัวเลขการเติบโตของซอฟต์แวร์ตัวนี้ว่าในปัจจุบันมีผู้ใช้งานแบบ Paid Users (เสียเงิน) มากกว่า 7 ล้านคนทั่วโลก
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมและความสำคัญของซอฟต์แวร์ด้านการสื่อสารภายในองค์กรว่าในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาเครื่องมือเหล่านี้กลับมีตัวเลขการใช้งานที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเมื่อทำการเปรียบเทียบจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว (2020) พบว่า Workplace มีอัตราการเติบโตของผู้ใช้งานถึง 40% ในปีเดียว
แล้วจากตัวเลขผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นในขวบปีที่ผ่านมา ในปีนี้ Workplace จะมีทิศทางอะไรใหม่ ๆ ให้เราได้ติดตามกันต่อหรือไม่ บทความนี้เราสรุปทั้งหมดมาให้คุณแล้ว
Workplace คืออะไร ? มีฟีเจอร์อะไรที่สำคัญบ้าง ?
Workplace คือ ซอฟต์แวร์สำหรับการติดต่อสื่อสารสำหรับองค์กรที่เชื่อมโยงทุกคนในบริษัทของคุณเข้าด้วยกันผ่านระบบออนไลน์ เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2016 โดยเจ้าของและผู้พัฒนาก็คือ “Facebook” โซเชียลมีเดียอันดับ 1 ของโลก โดยลักษณะการทำงานของ Workplace นั้นจะเป็นเหมือนการสร้าง Community ให้พนักงานทุกคนในองค์กรเข้าไปอยู่ในนั้น ซึ่งหน้าตาภายในของ Workplace จะเหมือนกับ Facebook ชนิดที่เรียกว่าถอดแบบกันมาก็คงไม่ผิดอะไร (ก็เพราะ Facebook ผลิตให้นี่หน่า)
และนอกจากหน้าตาที่มีความคล้ายกันแล้ว ระบบฟีเจอร์การทำงานต่าง ๆ ก็เหมือนกับ Facebook เกือบทุกอย่างเช่นกัน ตั้งแต่ฟีดข่าว ห้องกลุ่ม ฟีเจอร์แชท การเผยแพร่วิดีโอถ่ายทอดสด ไปจนถึงอีกหลายฟีเจอร์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อมาทดแทนพื้นที่การทำงานแบบเก่า ซึ่งจากข้อดีในด้านหน้าตาและการใช้งานที่เหมือนกับ Facebook นี้เองมันเลยทำให้การใช้งานของพนักงานของในองค์กรทำได้ง่ายขึ้น คนที่กลัวว่าจะใช้งานซอฟต์แวร์ตัวนี้ไม่เป็น บอกเลยว่าตัดปัญหานี้ทิ้งไปได้เลยครับ เพราะถ้าคุณเล่น Facebook เป็นคุณก็ต้องเล่น Workplace ได้ด้วย
หรือจะอธิบายแบบเข้าใจง่ายที่สุด Workplace ก็เปรียบเหมือน Facebook ที่มี Server เป็นบริษัทคุณนั่นเองคนที่จะอยู่ในนั้นได้ก็จะต้องเป็นคนในบริษัทของคุณ (หรือคนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทคุณ) เท่านั้น โดยเริ่มแรกนั้นก็เหมือนกับการเล่น Facebook ปกติเลยครับ นั่นก็คือ การสร้าง Account ของบริษัทแล้วก็เพิ่มพนักงานแต่ละคนเข้าไป โดยถึงแม้ Workplace จะเป็นซอฟต์แวร์ของ Facebook แต่คุณก็ต้องสร้าง Account ของ Workplace ขึ้นมาใหม่ เพราะฉะนั้นสำหรับพนักงานทั้งหลายสบายใจได้ครับ คุณไม่ต้องใช้บัญชี Facebook เราเองสมัคร แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้
ซึ่งเมื่อคุณสร้าง Account ของ Workplace เสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะเข้าสู่การใช้งานจริง เราหรือคนอื่น ๆ ก็สามารถมาโพสต์ข้อมูลที่สำคัญต่าง ๆ ของบริษัทให้พนักงานคนอื่น ๆ รับรู้ได้ในหน้าแรก เหมือนเราตั้งสเตตัสบน Facebook ปกติเลย (โดยคนที่จะเห็นก็ต้อง Add Friend คุณก่อนนะ)
อีกทั้ง Workplace ก็มาพร้อมฟีเจอร์มากมายที่สนับสนุนให้การสื่อสารขององค์กรคุณทำได้อย่างราบรื่นขึ้น เช่นฟีเจอร์อย่าง Group ที่ว่าง่าย ๆ ก็เหมือนการสร้าง Group ใน Facebook โดยคุณอาจจะลองสร้าง Group ของแต่ละโปรเจกต์/แผนกขึ้นมาเช่น GroupHR เวลาพนักงานคนไหนอยากจะทำเรื่องขอลางานหรือเอกสารต่าง ๆ ก็มาจัดการได้ใน Group นี้เลยโดยฝ่าย HR อาจจะลงไฟล์เอกสารต่าง ๆ ทิ้งไว้ให้ใน Group แล้วให้พนักงานแต่ละคนโหลดไปใส่ข้อมูลเอง (เช่นใบลา, ใบเบิกต่างๆ) แล้วค่อยนำมาส่ง หรือ Marketing Team สำหรับแผนกการตลาดเพื่อใช้ในการระดมความคิด ขอความเห็นต่าง ๆ จากทีมทุกคน แปะลิงก์ Reference ของไอเดียต่าง ๆ ในกลุ่มที่มีเฉพาะทีมของคุณก็ทำได้เช่นกัน
ต่อมาที่น่าสนใจก็ฟีเจอร์ WorkChat ที่ให้คุณสื่อสารแบบแชทได้กับพนักงานในบริษัททุกคนแถม WorkChat ยังมีแอปแยกออกไปอีก (เหมือน Facebook ที่มี Messenger เป็นแอปแชทแยกออกไป) ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ Line ส่วนตัวหรือ Tools อื่นในการคุยงานกันเลย
รวมถึงฟีเจอร์ Communication ที่ทาง Workplace เขาได้รวมทุกการเชื่อมต่อมาไว้หมดแล้ว ทั้งแชท คอลเสียง วิดีโอคอลกลุ่ม ไปจนไลฟ์ถ่ายทอดสด* (เฉพาะผู้ใช้แบบ Enterprise) ให้ทั้งองค์กรได้ทราบข่าวสารและให้ความสนใจแบบเรียลไทม์
สำหรับใครที่สนใจใช้งาน Workplace แต่อยากทราบรายละเอียดการใช้งาน, ราคาในแพคเกจต่าง ๆ หรือยังสงสัยว่ามีฟีเจอร์อะไรที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานขององค์กรคุณอีกหรือไม่ คุณสามารถอ่านบทความแนะนำการใช้งาน Workplace แบบเต็ม ๆ ได้ที่ บทความนี้ หรือรับชมวิดีโอรีวิวแนะนำการใช้งานจริงจากรายการ We Need Tool Talk ด้านล่างนี้ได้เลย
ทะลุ 7 ล้านคน! เปิดสถิติในปี 2021 ของ Workplace มีอัตราการเติบโตขึ้นมากน้อยเพียงใด ?
ล่าสุดทาง Facebook บริษัทแม่ของ Workplace ได้ทำการเปิดเผยตัวเลขและข้อมูลที่น่าสนใจของ Workplace ออกมา เพื่อทำการตอกย้ำถึงความนิยมและความสำคัญของการทำงานแบบ Remote Working ที่ต้องยอมรับว่าการติดต่อสื่อสารกันภายในองค์กรคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การ Remote Working มีประสิทธิภาพ
Facebook ระบุว่าในปี 2021 นั้น Workplace มีผู้ใช้งานแบบเสียเงิน (Paid User) อยู่มากกว่า 7 ล้านคนจากทั่วโลก ถือว่าเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว (2020) กว่า 2 ล้านคนหรือตีเป็นเปอร์เซ็นต์ก็เพิ่มขึ้นกว่า 40% และหากดูจากรูปสถิติตัวเลขผู้ใช้งานด้านล่างจะพบว่า Workplace เองก็เป็นอีกหนึ่งซอฟต์แวร์ ที่มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี
โดยเฉพาะการเข้ามาของสถานการณ์โควิด-19 (ตั้งแต่ปี 2020) จะพบว่า Workplace มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละเกือบ 2 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นมากว่า 4 ล้านคนทั่วโลก นับตั้งแต่มีสถานการณ์โควิด-19 เกิดขึ้นจนถึงปัจจุบัน
และเนื่องด้วยธรรมชาติการใช้งานของ Workplace ที่เหมาะสำหรับการใช้งานในองค์กร ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กทำให้ปัจจุบันมีองค์กรระดับชั้นนำของโลกเลือกใช้บริการของ Workplace มากมายเช่น Walmart, AirAsia, Booking.com, WHO, Heineken, Spotify, Domino’s, Starbucks, Nestle, Familymart, Agoda แต่ในปี 2021 นี้ Facebook ก็ได้มีการยกตัวอย่างรายชื่อองค์กรที่เลือกใช้ Workplace ในการทำงานมาอีก 1 เซ็ท นำโดยบริษัทที่กำลังถูกพูดถึงอย่างหนักในบ้านเราอย่าง AstraZeneca บริษัทด้านเทคโนโลยีการแพทย์ที่กำลังมีส่วนเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 และตามมาด้วยองค์กรระดับชั้นนำของโลกอีกเพียบได้แก่ Virgin Atlantic, Telefónica, BT, Booking.com, Deliveroo และ Save the Children เป็นต้น
โดยในรายของ Save the Children ที่เป็นองค์กรการกุศลไม่แสวงหาผลกำไร เพื่อช่วยเหลือเด็กยากไร้ทั่วโลก ทาง Workplace ก็ไม่ได้มีการเก็บค่าใช้จ่ายในการใช้งานใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงองค์กรเพื่อการกุศลทั่วโลก Workplace จะไม่มีการเก็บค่าใช้จ่าย) ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิสัยทัศน์ของ Workplace ที่ต้องการสนับสนุนองค์กรเพื่อการกุศลที่ไม่แสวงหาผลกำไรทั่วโลก
ทั้งนี้ทาง Facebook ก็ยังมีการระบุถึงฟีเจอร์ใหม่ที่กำลังจะเพิ่มเข้ามาของ Workplace ในปีนี้ด้วยนั่นก็คือฟีเจอร์ Q&A เพิ่มคำถามระหว่างคุยวิดีโอคอลได้ ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ใหม่ของการใช้งานฟีเจอร์ Live Video เพื่อการติดต่อสื่อสารขององค์กรบนแพลตฟอร์ม
นอกจากนั้น Workplace ยังได้มีการปรับปรุงฟีเจอร์ Knowledge Library หรือฟีเจอร์ที่เป็นเหมือนจุดรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่สำคัญต่อองค์กร ให้ผู้ใช้งานสามารถดึงข้อมูลจาก Source ต่างๆ เข้ามาในแพลตฟอร์มได้ง่ายขึ้นเพื่อใช้เป็นช่องทางในการแบ่งปันความรู้ให้กับทีมหรือพนักงานในช่วงที่การ Remote Working ยังจำเป็นต่อการทำงานในองค์กร
นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการเริ่มเปลี่ยนแปลงของ Workplace ในปีนี้เท่านั้น ทั้งนี้ในอนาคตตัวเลขผู้ใช้งานของ Workplace ไม่น่าจะหยุดอยู่ที่หลัก 7 ล้านคนแน่นอนเพราะตราบใดที่สถานการณ์โควิด-19 ยังคลี่คลายสู่สภาวะปกติ รวมไปถึงเทรนด์ของการทำงานแบบ Remote Working เราน่าจะได้เห็นตัวเลขผู้ใช้งานของ Workplace เพิ่มขึ้นอีกแน่นอน
สรุปทั้งหมด
Workplace ถือว่าเป็นตัวอย่างการเติบโตที่น่าสนใจของผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ด้านการสื่อสารภายในองค์กรที่เรียกได้ว่าเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในระยะเวลาไม่กี่ปี หรือจะเรียกว่าเติบโตเพราะโควิดก็คงไม่ผิดอะไร และจากข้อมูลวันนี้ผมเชื่อว่าอาจทำให้คุณเล็งเห็นถึงความสำคัญ ของการนำเทคโนโลยีมาใช้ในองค์กรกันมากขึ้น
เพราะสถานการณ์โควิด-19 ในบ้านเราตอนนี้ก็ยังไม่สู้ดีเท่าไร การที่มี “เครื่องมือ” ที่จะคอยช่วยให้องค์กรของคุณทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้ มันก็ย่อมเป็นผลดีต่อองค์กรของคุณมากกว่า
อยากลองเริ่มใช้งาน Workplace From Facebook ในองค์กรของคุณแล้วหรือยัง ?
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจอยากลองนำ Workplace หรือแม้แต่ซอฟต์แวร์ตัวอื่น ๆ มาใช้งานในองค์กรตั้งแต่ตอนนี้ แต่ติดปัญหากลัวว่าทีมจะใช้งานกันจริงไม่เป็น กลัวว่าจะใช้งานยากและเพิ่มภาระให้องค์กรตน หรือไม่รู้วิธีการ Set Up ซอฟต์แวร์แต่ละตัว จะแก้ปัญหาได้อย่างไร
เราขอแนะนำบริการใหม่ของเราอย่าง BUSINESS TECH STACK CONSULTING หรือบริการให้คำปรึกษาด้านการใช้ซอฟต์แวร์ในบริษัท เพื่อการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ที่จะมองหา Pain Point ต้นเหตุของการทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และแก้ปัญหานั้นด้วยการแนะนำเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เข้ามาใช้ในองค์กรของคุณ ทำให้การทำงานของคุณและทีมเชื่อมต่อกันได้ดีขึ้น ลดขั้นตอนการทำงานบางส่วนลงไป สามารถจัดการงานสำเร็จมากขึ้นในระยะเวลาที่เท่าเดิม
ซึ่งทางทีมงานของเราจะทำการพูดคุยถึงปัญหาที่องค์กรของคุณกำลังเจออยู่ พร้อมหาทางออกให้ด้วยการใช้ซอฟต์แวร์ที่เข้ากับบริษัทของคุณที่สุด จากนั้นเราจะสร้าง WorkFlow ของการทำงานรวมทั้งสอนวิธีการใช้งานให้กับพนักงานขององค์กรคุณ โดยเราจะสรุป Business Tech Stack ที่บริษัทคุณได้เลือก และทำเป็นไฟล์สอนการใช้งานให้กับทีมของคุณหลังติดตั้งเสร็จสิ้นแล้ว ลดเวลาในการเรียนรู้เองของทีมในองค์กรคุณไปได้อย่างมาก