Affiliate Marketing คือ กลยุทธ์การบอกต่อที่หลายแบรนด์นำไปใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เพราะลงทุนน้อยแต่ได้ผลตอบแทนกลับมามหาศาล ไม่ว่าจะเป็นทั้งยอดขาย, ลูกค้าใหม่, เพิ่มอัตราการกลับมาซื้อซ้ำ ไปจนถึง Customer Loyalty ให้ลูกค้ารักในแบรนด์มากขึ้นไปอีก
ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปศึกษาว่า Affiliate Marketing คืออะไร? พร้อมทั้งไปดูกันว่าทำไม Affilate Marketing ถึงสร้าง Impact ให้แบรนด์เติบโตได้มากขึ้นไปดูกัน!
ไม่พลาดทุกข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น
ติดตามได้หลากหลายช่องทางที่คุณสะดวก ไม่ว่าจะเป็น e-mail, line หรือ youtube
Subscribe
Affiliate Marketing คืออะไร?
Affliate Marketing คือ การที่แบรนด์ให้ Influencer หรือคนทั่วไป (นายหน้า) มาโปรโมตสินค้าและบริการผ่านช่องทางของตัวเอง แล้วเมื่อคนนั้นส่งลูกค้ากลับมาหาแบรนด์ผ่านลิงก์หรือโค้ดที่แบรนด์สร้างให้โดยเฉพาะ ก็จะให้ค่าตอบแทนกลับไปตามที่ตกลงกันไว้
โดยส่วนมาก ผลตอบแทนของการทำ Affiliate Markteting จะออกมาในรูปแบบของยอดขายที่นายหน้าคนนั้นทำได้ แต่สำหรับบางธุรกิจก็ให้ผลตอบแทนหรือรางวัลกับคนที่ทำ Affiliate Markteting กับแบรนด์ในการหา Lead, หา Traffic ใหม่ ๆ หรือหาคนที่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบของธุรกิจด้วย
Affiliate Marketing กับ Referral Marketing ต่างกันอย่างไร?
หลายคนอาจสับสนว่า Affiliate Marketing กับ Referral Marketing คือแบบเดียวกันไหม? จริง ๆ แล้วทั้ง Affiliate Marketing และ Referral Marketing คือ กลยุทธ์การทำการตลาดแบบบอกต่อคล้าย ๆ กัน แต่ต่างกันตรงที่
- Affiliate Matketing คือ การที่แบรนด์ให้นายหน้ามาโปรโมตสินค้าหรือบริการ โดยที่นายหน้าคนนั้นเป็นลูกค้าของแบรนด์อยู่แล้วหรือไม่ใช่ก็ได้ ผ่านการแปะลิงก์ แล้วเมื่อคนกดซื้อผ่านลิงก์นั้น ก็จะได้ค่า Commission กลับไปตามที่ตกลงกันไว้กับแบรนด์ แต่ลูกค้าใหม่จะไม่ได้อะไรจากแบรนด์กลับไป
- แต่ Referral Marketing คือ การทำการตลาดบอกต่อโดยที่แบรนด์จะให้ลูกค้าปัจจุบันของแบรนด์ไปเชิญชวนเพื่อนหรือคนรู้จักมาลองใช้สินค้าหรือบริการของแบรนด์ แล้วแบรนด์ก็จะให้ของตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไป (ได้ทั้งคนชวนและคนถูกชวน)
วิธีการทำงานของ Affiliate Marketing
สำหรับวิธีการทำงานของ Affiliate Marketing ขอเล่าเป็นภาพง่าย ๆ ดังนี้
แบรนด์รองเท้าจ้างนาย A ให้ทำ Affliate Marketing โดยให้นาย A โปรโมตหรือแนะนำสินค้า แล้วแปะลิงก์แนะนำต่อกับคนอื่นลงในโซเชียลมีเดียของตัวเอง ถ้าหากมีคนกดซื้อสินค้าผ่านลิงก์นั้น แบรนด์ก็จะให้ค่าตอบแทนกลับไปยังนาย A ซึ่งวิธีนี้ก็จะได้ประโยชน์ทั้งแบรนด์และนาย A นั่นเอง (ปัจจุบันหลายคนก็รับทำ Affiliate Marketing จากแบรนด์ต่าง ๆ เป็นอาชีพเสริม ซึ่งก็สามารถทำรายได้มหาศาลต่อปีอีกด้วย)
หลายครั้ง Affiliate Marketing ก็เป็นกลยุทธ์การตลาดที่แบรนด์ไม่ต้องลงทุนมาก ไม่ต้องลงมือลงแรงโปรโมตเอง แต่ได้ผลตอบแทนกลับมาอย่างสม่ำเสมอด้วย
แนะนำ Tool ที่ใช้ในการทำ Affiliate Marketing
ประเภทของ Affiliate Marketing
Unattached Affiliate Marketing
- Unattached Affiliate Marketing คือ การทำ Affiliate Marketing แบบไม่ผูกมัด ซึ่งหมายความว่าคนที่มาทำแคมเปญนี้จะเป็นแบบ PPC (Pay Per Click) เพียงแค่นำลิงก์ไปแปะ รอคนมาซื้อสินค้า แล้วก็ได้รับค่า Commission กลับไป ไม่จำเป็นต้องใช้สินค้าจริง ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เฉพาะทางเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นั้น ๆ และกลุ่มที่ติดตามก็เป็นกลุ่มกว้าง ๆ ไม่ใช่กลุ่ม Niche
- การทำ Unattached Affiliate Marketing จะสามารถดึงดูดใจคนจำนวนมากให้มาทำกับแบรนด์ได้ โดยข้อดีคือ ธุรกิจสามารถสร้าง Brand Awareness มากขึ้นจากการโปรโมตของคนกลุ่มนี้ อาศัยเพียงแค่ชื่อเสียงและความไว้วางใจที่กลุ่มผู้ติดตามมีต่อบุคคลนั้น และแบรนด์ก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ให้พวกเขา แต่จ่ายแบบ PPC แทน
- ตัวอย่างการทำ Unattached Affiliate Marketing เช่น มีคนออกมาทวีตบน Twitter ว่า ‘ถ้าได้งบไม่เกิน 300 บาท ซื้อของขวัญจับฉลากวันปีใหม่ได้จะซื้ออะไรดี เรามาแนะนำใน Thread นี้ ลองมาเองหมดแล้ว’ ซึ่งเขาก็จะแนะนำสินค้าแล้วแปะลิงก์เอาไว้ ถ้าใครสนใจก็กดลิงก์เข้าไปซื้อ Influencer คนนั้นก็จะได้รับค่า Commission กลับไป
Related Affiliate Marketing
- Related Affiliate Marketing คือ การที่แบรนด์ทำ Affiliate Marketing กับ Influencer ที่ทำคอนเทนต์ในรูปแบบบล็อก, YouTube, TikTok หรืออื่น ๆ ที่มีกลุ่มผู้ติดตามเป็นกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์โดยเฉพาะ (Niche Target)
- โดยปกติแล้ว Influencer จะมีอิทธิพลกับผู้ติดตามของตัวเองอยู่แล้ว ทำให้การรีวิวของพวกเขานั้นสามารถสร้าง Impact อะไรบางอย่างกับผู้ติดตาม หรือช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์มากขึ้น แม้ว่า Influencer จะไม่เคยใช้สินค้าหรือบริการของแบรนด์มาก่อนก็ตาม
- แต่การทำ Related Affiliate Marketing ก็มีข้อควรระวังคือ ถ้าหาก Influencer ไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์มาก่อน แล้วผลิตภัณฑ์ไม่ได้ผลกับสิ่งที่ตัวเองเคลมไว้ก็อาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือต่อตัว Influencer เอง และส่งผลมาถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ในระยะยาวด้วย แนะนำว่าให้ซื่อสัตย์ต่อลูกค้าจึงจะดีที่สุด
- ตัวอย่างเช่น Beauty Blogger ที่ออกมารีวิวเครื่องสำอางแบรนด์ ABC ซึ่งในชีวิตจริงของคนนั้นอาจจะไม่ได้ใช้แบรนด์นี้เป็นประจำก็ได้ แต่ Beauty Blogger คนนี้เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการแต่งหน้า ทำให้มีความน่าเชื่อถือในการเลือกใช้เครื่องสำอางและมีอิทธิพลต่อผู้ติดตาม
- เมื่อแบรนด์ ABC ส่งเครื่องสำอางไปให้ Beauty Blogger คนนี้รีวิวแล้วผู้ติดตามเกิดชอบขึ้นมาก็สามารถกดซื้อผ่านลิงก์นั้นได้นั่นเอง (แต่ในกรณีตัวอย่างด้านล่างนี้ เป็นการให้ผู้ติดตามนำโค้ดไปกรอกเพื่อรับส่วนลดแทน ยิ่งคนนำโค้ดไปใช้เยอะ Beauty Blogger ก็จะได้ค่า Commission ด้วย)
Involved Affiliate Marketing
- Involved Affiliate Marketing คือ การที่แบรนด์ให้ Influencer ไปทดลองใช้ผลิตภัณฑ์จริง ๆ หลังจากนั้นก็เอาความรู้สึกหลังจากใช้งานมาถ่ายทอดให้ฟัง ทำให้การตลาดในรูปแบบนี้จะใช้เวลาค่อนข้างนานกว่า 2 แบบที่เราได้กล่าวไปข้างต้น (ไม่ใช่แค่ PPC แล้วจบ)
- แต่การรีวิวในรูปแบบนี้จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ เพราะลูกค้าจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงจากการใช้งาน เห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์ได้มากกว่า ซึ่งหลายคนมักจะชอบการตลาดรูปแบบนี้ เพราะเป็นการรีวิวที่ซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง ทำให้การรีวิวประเภทนี้เป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ และเป็นการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาวกว่าด้วย
ข้อดีของการทำ Affiliate Marketing
- ได้ลูกค้าใหม่และลูกค้าประจำ – หนึ่งในข้อดีของการทำ Affiliate Marketing หรือการทำการตลาดแบบบอกต่อ คือ ได้ลูกค้าใหม่และลูกค้าประจำเพิ่มมากขึ้น โดยสถิติจาก Referralrock บอกว่า 91% ของลูกค้ามักจะเชื่อและไว้ใจคำพูดของคนใกล้ตัว หรือรีวิวจากคนทั่วไปมากกว่าการที่แบรนด์ออกมาโฆษณาเอง ดังนั้นถ้าแบรนด์ใช้กลยุทธ์ Affiliate Marketing แนวโน้มการซื้อสินค้าและบริการก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
- สร้างยอดขายได้มากขึ้น – แน่นอนเลยว่าเมื่อได้ลูกค้าใหม่เข้ามาแล้ว ยอดขายก็จะเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มิหนำซ้ำ ถ้าลูกค้าใหม่ติดใจการใช้งานสินค้าหรือบริการของแบรนด์ ก็อาจจะเอาไปบอกต่อคนอื่น ๆ อีก เราก็จะยิ่งได้ยอดขายเพิ่มขึ้นอีกด้วย
- เพิ่ม Brand Awareness – ยิ่งมีคนมาเข้ามร่วมโปรแกรม Affiliate Marketing ช่วยโปรโมตแบรนด์มากขึ้นเท่าไร โอกาสที่มีคนมองเห็นแบรนด์ก็จะยิ่งเยอะขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าบุคคลนั้นเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง มีผู้ติดตามเยอะ และมีฐานแฟนคลับมาก ก็จะช่วยให้คนอยากรู้จักและใช้สินค้าและบริการของแบรนด์มากขึ้นไปอีก (หลักการเดียวกันกับ Influencer Marketing)
- ประหยัดต้นทุนและความเสี่ยงต่ำ – ในการเริ่มต้นทำ Affiliate Marketing นั้นแบรนด์แทบจะไม่ต้องลงอะไรล่วงหน้าเลย โดยแบรนด์จะเสียค่า Commission ให้นายหน้าก็ต่อเมื่อพวกเขาสามารถขายสินค้าผ่านลิงก์นั้น ๆ ได้
สรุปทั้งหมด
Affiliate Marketing การตลาดแบบบอกต่อเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจที่แบรนด์สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ เพราะปัจจุบันนี้การแข่งขันในตลาดค่อนข้างสูงการทำการตลาดในช่องทางเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป ดังนั้นการใช้ Affiliate Marketing ก็สามารถช่วยคุณเพิ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้ ซึ่งแบรนด์ไม่จำเป็นต้องลงทุนหรือออกแรงเยอะ เมื่อเทียบกับกลยุทธ์อื่น ๆ เลย