ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้ผู้คนต้องกักตัว ใช้เวลาอยู่ภายในบ้านและโลกอินเทอร์เน็ตมากขึ้น โดยเฉพาะการเล่นโซเชียลมีเดีย จากผลสำรวจพบว่าผู้คนทั่วโลกใช้เวลาไปกับโซเชียลมีเดียเฉลี่ย 2.25 ชั่วโมงต่อวัน
และถ้าหากพูดถึงโซเชียลมีเดียที่มาแรงที่สุดในปีนี้ หลาย ๆ คนคงจะนึกถึง OnlyFans แพลตฟอร์มออนไลน์ ที่มีคอนเทนต์มากมายให้คุณเลือกติดตามผ่านระบบ Subscription และคุณยังสามารถหารายได้โดยการเป็นครีเอเตอร์ใน OnlyFans ได้อีกด้วย
วันนี้ The Growth Master จึงขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับแพลตฟอร์ม OnlyFans นี้ให้มากขึ้น และดูสถิติตัวเลขการเติบโต รวมถึงกลยุทธ์ที่ที่ทำให้ OnlyFans ประสบความสำเร็จจนก้าวขึ้นสู่การเป็นโซเชียลมีเดียระดับโลก
OnlyFans คืออะไร?
OnlyFans คือ แพลตฟอร์มออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ คนทั่วไปสร้างสรรค์ผลงานสุดพิเศษในรูปแบบเฉพาะที่หาดูที่อื่นไม่ได้ให้กับผู้ติดตามของตนเอง ผ่านการจ่ายเงินรายเดือนในระบบ Subscription และการให้ทิป
โดย OnlyFans เปิดกว้างให้กับคอนเทนต์ทุกประเภท ไม่ได้ข้อจำกัดมากมายเกี่ยวกับคอนเทนต์ อายุของครีเอเตอร์และกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้งาน จึงง่ายต่อการสร้างคอนเทนต์สำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งคอนเทนต์ผู้ใหญ่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ OnlyFans โด่งดัง กลายเป็นที่รู้จักและเติบโตอย่างรวดเร็ว
และคงปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อได้ยินชื่อ OnlyFans หลาย ๆ คนมักจะคิดถึงคอนเทนต์ผู้ใหญ่ที่มีความล่อแหลมขึ้นมาเป็นอันดับแรก แต่อย่างไรก็ตาม OnlyFans ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทุกคน ไม่ว่าใครก็สามารถสร้างและโพสต์คอนเทนต์ที่ต้องการลงใน OnlyFans ของตนเองได้ โดยคอนเทนต์ใน OnlyFans มีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ด้านดนตรี ฟิตเนส การออกกำลังกาย อาหารหรือคอร์สเรียน ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่เนื้อหา 18+ เท่านั้น
ปัจจุบัน OnlyFans ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีจำนวน User หรือผู้ใช้งานมากกว่า 100 ล้านคน
ในช่วงเดือนสิงหาคม 2021 OnlyFans ได้ประกาศแบนคอนเทนต์ 18+ ในแพลตฟอร์มทั้งหมด เนื่องจากถูกกดดันจากธนาคารและนักลงทุน เพราะมีคอนเทนต์ 18+ เยอะมากจนเหมือนกับเป็นแพลตฟอร์มของสื่อลามกมากกว่าคอนเทนต์เสรีไปแล้ว แต่หลังจากประกาศออกมา OnlyFans ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการฆ่าตัวตาย เพราะคอนเทนต์ผู้ใหญ่ เป็นสิ่งที่ทำให้ OnlyFans มีชื่อเสียงขึ้นมาได้ และครีเอเตอร์จำนวนมากจึงจำเป็นต้องออกจาก OnlyFans ไปหาแพลตฟอร์มอื่นที่ให้เผยแพร่คอนเทนต์ของพวกเขาได้ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับ OnlyFans เป็นอย่างมาก
จนในที่สุด OnlyFans ก็ไม่สามารถต้านทานกระแสทางลบนี้ไหว OnlyFans จึงประกาศยกเลิกการแบนคอนเทนต์ 18+ เพื่อดึงดูดครีเอเตอร์และผู้ใช้งานกลับมาดังเดิม
เปิดประวัติ OnlyFans กว่าจะมาเป็นแพลตฟอร์มหมื่นล้าน ที่สะเทือนวงการอุตสาหกรรมคอนเทนต์ผู้ใหญ่
OnlyFans ถูกปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 2016 โดย Timothy Stokely นักลงทุนด้านเทคโนโลยีชาวอังกฤษ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก จนเว็บไซต์ข่าวของอังกฤษตั้งฉายาให้ว่าเป็น “King of Homemade Porn” เนื่องจากคอนเทนต์ส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมเป็นคอนเทนต์สำหรับผู้ใหญ่ที่มีความวาบหวิว
ย้อนกลับไปใน ปี 2011 Timothy Stokely ได้ก่อตั้ง GlamWorship.com คอมมูนิตี้สำหรับแบ่งปันเรื่องราวทางเพศโดยเฉพาะ เนื่องจากเขาได้ไปศึกษาคอนเทนต์ใน Reddit พบว่ามีเนื้อหาเกี่ยวกับเพศน้อยเกินไป ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้คนในเรื่องนี้ได้ ซึ่ง GlamWorship.com ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงนั้น
ต่อมาในปี 2013 Timothy Stokely พบว่าผู้คนจำนวนมาก สามารถผลิตคอนเทนต์เองได้ เขาจึงได้ก่อตั้ง Custom4U ซึ่งเป็นเว็บไซต์วิดีโอหนังผู้ใหญ่ ที่ให้ครีเอเตอร์ผลิตคอนเทนต์ตามที่ผู้ชมต้องการได้ แบบ made-to-order โดย Custom4U นี้มีความคล้ายคลึงกับ OnlyFans ในปัจจุบัน
3 ปีหลังจากนั้น Timothy Stokely ก็ได้สร้างโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มขึ้นมา คือ OnlyFans นั่นเอง โดย Timothy Stokely เกิดไอเดียของ OnlyFans ขึ้นจากที่ครีเอเตอร์เนื้อหาผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ไม่มีพื้นที่สำหรับเผยแพร่คอนเทนต์ของตนเอง เนื่องจากโซเชียลมีเดียส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ Tiktok มักจะมีระบบ AI ตรวจจับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม หรือเนื้อหาที่มีความล่อแหลมสื่อไปทาง 18+
เขาจึงคิดว่าทำไมถึงไม่มีแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ครีเอเตอร์เหล่านี้ สร้างรายได้จากคอนเทนต์ของพวกเขาได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย เขาจึงสร้าง OnlyFans ที่เป็นแพลตฟอร์มที่มีหน้า Feed คล้ายกับโซเชียลมีเดียทั่วไป แต่ผู้ชมหรือผู้ติดตามต้องจ่ายค่าสมาชิกรายเดือนแบบ Subscription ถึงจะสามารถรับชมเนื้อหาคอนเทนต์เหล่านั้นได้
ตัวเลขการเติบโตอันน่าทึ่งของ Only Fans สวนกระแสสถานการณ์โลก
ครีเอเตอร์มากกว่า 1 ล้านคน
ในปี 2019 OnlyFans รายงานว่ามีจำนวนครีเอเตอร์เพียงประมาณ 60,000 คน
แต่ในช่วงปี 2020 เดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์โควิดกำลังระบาดหนัก Onlyfans มีครีเอเตอร์เพิ่มขึ้นเป็น 350,000 คน และในเดือนสิงหาคม 2020 มีจำนวนครีเอเตอร์ทั้งหมด 700,000 และสิ้นปี 2020 ครีเอเตอร์ เพิ่มจำนวนพุ่งทะลุ 1 ล้านคน เห็นได้ว่าจำนวนครีเอเตอร์เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าในปี 2020 โดยมีจำนวนครีเอเตอร์หน้าใหม่เพิ่มขึ้นถึง 7,000-8,000 คนต่อวัน
OnlyFans เติบโตอย่างก้าวกระโดดมากถึง 70% ในสถานการณ์โควิด-19
ในปี 2019 ยอด Users ของ OnlyFans มีเพียง 8 ล้านคน ต่อมาในเดือนมกราคม ปี 2020 มีจำนวน User เพิ่มขึ้นมากถึง 85 ล้านคน เติบโตมากถึง 70% เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คนไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้ ทำให้ต้องใช้เวลาไปกับอินเทอร์เน็ตและแพลตฟอร์มต่าง ๆ มากขึ้น และในกลางปี 2021 Timothy Stokely ได้กล่าวว่า OnlyFans มีจำนวนผู้ใช้งานทะลุ 120 ล้านคนแล้ว โดย OnlyFans มีจำนวน Users เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 500,000 คนต่อวัน และประมาณ 15 ล้านคนต่อเดือน
ซึ่งถือว่ามี Users ทะลุ 100 ล้านคนเร็วกว่า Facebook เสียอีก โดย Facebook มีจำนวน Users ถึง 100 ล้านคนในปี 2009 หลังจาก Launch ออกมา 5 ปี ในขณะที่ OnlyFans ใช้เวลาเพียง 4 ปีเท่านั้นในการมี Users เกิน 100 ล้านคน
OnlyFans มียอดการจ่ายเงินของ Users มากถึง 2,000 ล้านดอลลาร์
จากสถิติในปีที่ผ่านมา OnlyFans มียอดเงินเข้ามา ผ่านระบบ Subscription สูงถึง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นเงินจำนวนมหาศาลเลยทีเดียว โดยมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดมากถึง 615% ในระหว่างปี 2019 จนถึง 2020 จากรายงานของ UK’s Companies House
นอกจากนี้ บริษัทได้จ่ายเงิน 6 ล้านดอลลาร์ หรือ 195 ล้านบาท ให้กับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในทุก ๆ วัน
ในสถานการณ์โควิด-19 OnlyFans แทบจะเป็นโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มเดียวที่สร้างรายได้มากมายมหาศาลถึงเพียงนี้ เนื่องจากผู้คนจำเป็นต้องอยู่บ้าน ไม่สามารถออกไปข้างนอกหรือพบปะคนอื่น ๆ ได้ จึงทำให้มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยหันมาใช้เวลาอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น และ OnlyFans ยังมีเนื้อหาสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มีใน OnlyFans ที่เดียวเท่านั้น ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนจำนวนมากได้
ครีเอเตอร์ทำรายได้สูงสุดมากถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน 24 ชั่วโมงแรก
Bella Thorne อดีตนักแสดงดิสนีย์ นางแบบและนักร้อง ได้เริ่มเปิด Channel ใน OnlyFans ซึ่งเธอก็สามารถทุบสถิติครีเอเตอร์ที่ทำเงินได้มากที่สุดในเวลา 1 วัน โดยเธอทำเงินได้ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน 24 ชั่วโมงแรกทันทีหลังจากเปิดบัญชี และในปัจจุบัน เธอสร้างรายได้จาก OnlyFans ได้มากถึง 11 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน
โดยค่า Subscription ของ Bella Thorne อยู่ที่ 9.99 ดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งคอนเทนต์ที่เธอทำ จะเป็นคอนเทนต์รูปภาพและวิดีโอส่วนตัวของเธอ ที่ไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน พิเศษเฉพาะคนที่ Subscribe เท่านั้น
ในปัจจุบัน OnlyFans มีทิศทางที่จะทำให้เป็นแพลตฟอร์มในกระแสหลักมากขึ้น โดยสนับสนุนคอนเทนต์อื่น ๆ นอกจากคอนเทนต์ผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์จากเซเลบริตี้ นักกีฬา นักร้องแรปเปอร์ เซฟหรือคอนเทนต์หมวดหมู่อื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่น
Cardi B แร็ปเปอร์และเซเลบริตี้เบอร์ต้น ๆ ของอเมริกา Cardi B เปิดแอคเคาท์ OnlyFans แบบไม่ได้จริงจังในตอนแรก โดยเธอตั้งใจจะแชร์เบื้องหลังของการถ่ายทำ MV เพลง “WAP” และแบ่งปันเรื่องราวชีวิตคนดังของเธอเท่านั้น โดยไม่มีคอนเทนต์ผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง
ซึ่งหลังจากเปิดแอคเคาท์ Cardi B ได้แชร์โพสต์ 6 โพสต์ลงบน OnlyFans แต่เพียงแค่นั้น ก็ทำให้เธอได้ขึ้นแท่นเป็นผู้มีรายได้สูงสุดอันดับ 3 และสร้างรายได้ 9 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน ด้วยค่า Subscription เพียง 4.99 ดอลลาร์ต่อเดือน
นอกจากนี้ Cardi B แล้ว ยังมีเซเลบริตี้คนดังอีกมากมาย หันมาเป็นครีเอเตอร์ใน OnlyFans
ไม่ว่าจะเป็น Tyga ศิลปินฮิปฮอปที่เป็นครีเอเตอร์ใน OnlyFans เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่เขาก็สามารถทำเงินได้มากกว่า 7 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน ด้วยการทำคอนเทนต์เบื้องหลังการทำอัลบั้มเพลงและไลฟ์สไตล์สุดหรูหรา หรือ Influencer และนางแบบที่มีอิทธิพลด้านการออกกำลังกาย Jem Wolfie โดยเธอมีรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 10 ใน OnlyFans ประมาณ 9 แสนดอลลาร์ต่อเดือน
จากความสำเร็จของคนดังมากมาย สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตภายในชื่อแบรนด์ของ OnlyFans มากยิ่งขึ้นไปอีก
กลยุทธ์ความสำเร็จที่ทำให้ OnlyFans เติบโตอย่างพุ่งทะยานในยุค COVID-19
แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่อยู่บ้านมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ การที่ OnlyFans ประสบความสำเร็จได้นั้น ไม่ได้มาจากสถานการณ์แวดล้อมหรือโชคช่วยเพียงอย่างเดียว OnlyFans มีการวางแผนการตลาดและทำกลยุทธ์อื่น ๆ ที่ดึงดูดให้คนมาเป็นครีเอเตอร์และผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้ OnlyFans เติบโตได้อย่างรวดเร็วอย่างในปัจจุบันนี้
ระบบ Subscription กับครีเอเตอร์โดยตรง
OnlyFans สร้างรายได้จากระบบ Subscription แบบเดียวกับ Streaming เจ้าดังระดับโลกอย่าง Netflix และ Disney+ แต่ Users หรือลูกค้าผู้ใช้งาน ไม่ได้จ่ายเงินทีเดียวแล้วเข้าถึงคอนเทนต์ทั้งหมดบน
แพลตฟอร์ม แต่จะ Subscribe ครีเอเตอร์เป็นรายบุคคล ถือเป็นหนึ่งกลยุทธ์ในการสร้างความผูกพันอันเหนียวแน่นระหว่าง Users กับครีเอเตอร์ เพราะทำให้ Users รู้สึกว่ากำลังสนับสนุนครีเอเตอร์ที่ชื่นชอบโดยตรงมากกว่าตัวแพลตฟอร์ม
ซึ่งครีเอเตอร์ใน OnlyFans สามารถกำหนดค่า Subscription เองได้ตามต้องการ ใน Range ราคาระหว่าง 4.99 - 49.99 ดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ระบบ Subscription เป็นระบบที่ทำให้ยอดลูกค้ากลับมาใช้ซ้ำ หรือ Customer Retention สูงขึ้นได้ง่ายมากกว่าการให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการเป็นรายครั้ง ลองเปรียบเทียบการจ่ายค่าสมาชิกรายเดือนเพียงเดือนละ 15 ดอลลาร์ กับการจ่ายค่าสมาชิกรายปีรวดเดียว 180 ดอลลาร์ หลาย ๆ คนคงรู้สึกว่าจ่ายเพียงเดือนละ 15 ดอลลาร์ เป็นสิ่งคุ้มค่าและน่าดึงดูดใจมากกว่าจ่ายครั้งละ 180 ดอลลาร์เป็นไหน ๆ
และระบบ Subscription เป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้จากลูกค้าเก่าที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว รวมถึงลดต้นทุนในการหาและทำความรู้จักกับลูกค้าใหม่อีกด้วย
User Generated Content สุด Exclusive
จุดเด่นของ OnlyFans อีกอย่าง คือ User Generated Content โดยคอนเทนต์เหล่านั้น เป็นคอนเทนต์ผู้ใหญ่สุด Exclusive ที่หาไม่ได้ในแพลตฟอร์มอื่น ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter หรือ Youtube เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องนโยบายเนื้อหาของแต่ละแพลตฟอร์ม
คอนเทนต์ผู้ใหญ่ ที่แม้จะไม่ใช่ทั้งหมดของ OnlyFans แต่ก็ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ OnlyFans เติบโตอย่างก้าวกระโดดได้จนถึงทุกวันนี้
แล้วทำไมคอนเทนต์ผู้ใหญ่ใน OnlyFans ถึงได้รับความนิยมมากขนาดนี้ ทั้งๆที่มียักษ์ใหญ่แห่งวงการหนังผู้ใหญ่อย่าง Pornhub อยู่แล้ว นั่นเป็นเพราะคอนเทนต์ที่มีความเรียล เนื่องจากเป็น User Generated Content ที่คนทั่วไปผลิตขึ้นมาเอง จึงไม่ได้มีโปรดักชั่นหรือบทที่อลังการ และไม่มีการควบคุมโดยบริษัทหรือนายทุน จึงทำให้ได้คอนเทนต์มีเอกลักษณ์ของครีเอเตอร์แต่ละคนมีความสมจริงมากนั่นเอง
นอกจากนี้ OnlyFans ยังมีฟีเจอร์โดดเด่นจากแพลตฟอร์มอื่น ที่ทำให้ Users มีปฏิสัมพันธ์กับครีเอเตอร์ได้ใกล้ชิดมากขึ้น อย่าง Private Messaging ที่ให้ Users พูดคุยกับครีเอเตอร์แบบส่วนตัว คุณสามารถรีเควสหรือพูดสิ่งที่อยากจะบอกกับครีเอเตอร์โดยตรงได้!
และในปัจจุบันก็มีคนดังและ Influencer มากมายจากหลายวงการเข้ามาเป็นครีเอเตอร์ใน OnlyFans กันมากขึ้น ด้วยการทำคอนเทนต์สุดพิเศษที่หาดูที่ไหนไม่ได้ นอกจาก OnlyFans เท่านั้น จึงทำให้ OnlyFans ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
Win-Win Situation ตอบโจทย์ทั้ง Creator และ User
ส่วนสำคัญที่ทำให้ OnlyFans ประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว คือคุณค่าที่มอบให้ทั้งครีเอเตอร์และ User ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของศาสตร์ Growth Hacking ที่เน้นการมอบคุณค่าให้กับลูกค้า เพื่อให้พวกเขากลับมาใช้ซ้ำและบอกต่อ จนทำให้แบรนด์เติบโตได้อย่างยั่งยืนในท้ายที่สุด
OnlyFans สามารถตอบโจทย์ความต้องการของทั้งครีเอเตอร์และ User ได้
ในส่วนของครีเอเตอร์ OnlyFans ให้ครีเอเตอร์สร้างสรรค์คอนเทนต์ได้อย่างอิสระ พร้อมกับให้รายได้ที่สมน้ำสมเนื้อ รายได้จากการ Subscription เป็นของครีเอเตอร์ 80% และ OnlyFans เพียง 20%
นอกจากรายได้จาก Subscription แล้ว ครีเอเตอร์ยังได้เงินจากทิปที่ Users มอบให้และได้รายได้จากการพูดคุยกับ Users ผ่าน Private Messaging อีกด้วย
ในส่วนของ Users OnlyFans ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงครีเอเตอร์ง่ายมากขึ้น โดยสามารถดูข้อความ รูปภาพวิดีโอสุดเอ็กซ์คลูซีฟ มีปฏิสัมพันธ์และตอบโต้กับครีเอเตอร์ที่ชื่นชอบได้
และยังสามารถพูดคุยเป็นการส่วนตัวผ่าน Private Messaging ดังที่กล่าวไป เพียงจ่ายค่าธรรมเนียมเล็กๆ น้อย ๆ รวมถึงสามารถรีเควสคอนเทนต์แบบ Personalized กับครีเอเตอร์โดยตรงได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มความใกล้ชิดกับครีเอเตอร์ ทำให้พวกเขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้นี้ ถือเป็นความพิเศษเฉพาะของ OnlyFans ที่หาไม่ได้ในแพลตฟอร์มอื่น
OnlyFans สร้างคุณค่าให้ผู้ใช้งาน และมีความแตกต่างจากโซเชียลมีเดียอื่น
OnlyFans เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เป็นระบบ Subscription ที่มอบเนื้อหาคอนเทนต์สุดพิเศษเฉพาะผู้ที่จ่ายเงินติดตามเท่านั้น ซึ่ง OnlyFans มีคอนเทนต์อยู่ในแพลตฟอร์มเป็นจำนวนมหาศาล โดยที่ OnlyFans ไม่ต้องเสียเงินในการสร้างคอนเทนต์เหล่านั้น เพราะคนที่จ่ายค่าคอนเทนต์ คือ Users ผู้ใช้งานหรือ Subscriber ผู้ติดตาม ที่ต้องการเข้าถึงคอนเทนต์และข้อความจากครีเอเตอร์ที่ชื่นชอบ
ต่างจากโซเชียลมีเดียอื่น อย่าง Facebook และ Twitter ที่ทุกคนที่มีอินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ได้ ทำให้คอนเทนต์ไม่มีความเอ็กซ์คลูซีฟเท่า OnlyFans
นอกจากนี้ OnlyFans ยังได้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียที่เหล่าครีเอเตอร์ใช้ในการโปรโมตและสร้างคอนเทนต์ อย่าง Twitter เพื่อดึงดูดผู้คนจำนวนให้เข้ามาที่ Channel ของตัวเองบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน OnlyFans
จะเห็นได้ว่า สิ่งที่ OnlyFans ทำถือเป็นการตลาดแบบบอกต่อ โดยครีเอเตอร์กว่า 1 ล้านคน ที่ OnlyFans ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้ OnlyFans ได้จำนวนมาก เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ OnlyFans เติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างในปัจจุบันนี้
ในปี 2020 OnlyFans สร้างรายได้สุทธิ ได้มากถึง 400 ล้านดอลลาร์ และมี Free Cash Flow หรือเงินสดหมุนเวียนอยู่ในระบบมากถึง 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว
สรุปทั้งหมด
จากทั้งหมดที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่า OnlyFans ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก กลายเป็นโซเชียลมีเดียที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดสวนทางกับสถานการณ์โลก ไม่ได้เป็นเพียงแค่โชคช่วยเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะตัวแพลตฟอร์มที่มีความโดดเด่นและแตกต่างจากโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของผู้คนได้
และกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่ OnlyFans ใช้ ไม่ได้คำนึงถึงแต่ประโยชน์ของแพลตฟอร์มเท่านั้น แต่ OnlyFans ยังเป็นแพลตฟอร์มเจ้าแรก ๆ ที่ให้ความสำคัญกับครีเอเตอร์ ทำให้สามารถดึง Users เข้ามาใช้งานแพลตฟอร์ม เป็นการสร้างรายได้ให้กับครีเอเตอร์จำนวนมาก ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่ทำให้ OnlyFans สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วและมั่นคง