ทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google ต้องใช้เวลาเท่าไร?

ทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google ต้องใช้เวลาเท่าไร?
Light
Dark
Cartoon Tanaporn
Cartoon Tanaporn

มนุษย์เป็ดเขียนคอนเทนต์ ชอบเขียนมากกว่าพูด เสพติดการมองพระจันทร์เป็นชีวิตจิตใจ และหลงใหลในช่วงเวลา Magic Hour ของทุกวัน

นักเขียน

หลายคนมักจะมีคำถามสงสัยในตอนที่ต้องทำ SEO (Search Engine Optimization) ว่า การทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกต้องใช้เวลาเท่าไร? ซึ่งการทำ SEO นั้น ไม่สามารถระบุระยะเวลาที่แน่นอนได้ เพราะมีหลายปัจจัยที่มีอิทธิพลต่ออันดับของ SEO เช่น การใช้ Keyword, อายุของเว็บไซต์, On-page SEO, Off-page SEO เป็นต้น

ซึ่งในวันนี้ The Growth Master ก็จะพาไปหาคำตอบเองว่า จะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ SEO หน้าแรกต้องใช้เวลาเท่าไร? ไปดูกันเลย

ไม่พลาดทุกข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น

ติดตามได้หลากหลายช่องทางที่คุณสะดวก ไม่ว่าจะเป็น e-mail, line หรือ youtube
Subscribe

ทำไมควรทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกบน Google?

การที่ติดหน้าแรกบน Google ถือว่ามีอัตราการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงมากในปัจจุบัน เพื่อที่จะขึ้นไปเป็นอันดับ 1 บน Search Engine ของคีย์เวิร์ดนั้น ๆ เพราะการติดอันดับหน้าแรกเปรียบเสมือนเป็นทำเลทองสำหรับธุรกิจ 

ยิ่งอันดับสูงเท่าไร โอกาสที่คนจะคลิกเว็บไซต์ของเรามากขึ้นเท่านั้น (Traffic เยอะขึ้น) และนำไปสู่โอกาสในการเพิ่มยอดขายหรือ Conversion ของธุรกิจ รวมถึงมีโอกาสสร้าง Brand Awareness แบบที่ไม่ต้องเสียเงินทำโฆษณาเลย ซึ่งแบรนด์ก็จะยิ่งมีความน่าเชื่อส่งผลให้ภาพลักษณ์แบรนด์ดูดีในระยะยาวมากขึ้น

โดยสถิติจาก Backlinko ชี้ให้เห็นว่าเว็บไซต์ที่ติดอันดับ 1 บนหน้า Google จะได้รับจำนวนคลิกทั้งหมด 27.6% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่เยอะมาก ๆ เมื่อเทียบกับอันดับ 2 ที่มียอดคลิก 15.8% แม้จะห่างกันเพียงอันดับเดียวเท่านั้น ก็จำนวนคลิกก็ลดลงมากกว่า 10% เลยทีเดียว

ภาพจาก backlinko

ดังนั้นการที่เว็บไซต์จะติดอันดับ 1 ได้ก็มาจากการที่คุณต้องมีการปรับแต่งเว็บไซต์และบทความให้ดีในทุก ๆ ส่วน มอบสิ่งที่ลูกค้ากำลังตามหา รวมถึงสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ให้กับพวกเขา เมื่อมีปัจจัยเหล่านี้เข้ามา Google ก็มองเห็นว่าเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพจึงจะสามารถไต่อันดับได้ไปสู่อันดับ 1 ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

อ่านบทความฉบับเต็มและเทคนิคการทำ SEO ได้ที่

ปัจจัยที่มีผลต่อการทำอันดับ SEO

ปัจจัยที่สามารถควบคุมได้

ปัจจัยที่สามารถควบคุมได้ ในที่นี้หมายถึงปัจจัยที่เราสามารถควบคุมในการทำ SEO ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งมีดังต่อไปนี้

1. การเลือกใช้คีย์เวิร์ด

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในการทำ SEO คีย์เวิร์ดถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่ง เพราะถ้าหากเราเลือกคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันและ Search Volume ที่ค่อนข้างต่ำ โอกาสที่จะติดอันดับก็จะยิ่งมีสูงขึ้น (แต่คนก็เสิร์ชน้อยเหมือนกัน) ในขณะที่ถ้าคีย์เวิร์ดที่เลือกใช้มีการแข่งขันและ Search Volume ที่ค่อนข้างสูง การไต่อันดับก็ยิ่งจะทำได้ยาก

วิธีดูว่าคีย์เวิร์ดนั้นมีการแข่งขันสูงหรือต่ำ ก็สามารถทำได้ด้วยการทำ Keyword Research โดยใช้เครื่องมืออย่าง Ubersuggest, Moz, KWFinder, SEMRush เป็นต้น 

นอกจากนี้ เราก็ควรที่จะต้องมีการกระจายคีย์เวิร์ดทั้งบทความให้มีความสม่ำเสมอกันทั้งบทความ ไม่กระจุกที่ใดที่หนึ่งจนเกินไป หรือฝืนใช้คีย์เวิร์ดเยอะ ๆ เพราะถ้า Google จับได้ว่าเราพยายามโกงคีย์เวิร์ดนั้น การทำ SEO ก็อาจไม่เป็นผลสำเร็จก็ได้

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม:

2. อายุของเว็บไซต์

สำหรับเว็บไซต์ที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ ก็ต้องให้ Google ได้มีเวลาทำความรู้จักและรวบรวมข้อมูล (Index) ว่าเว็บไซต์ของเรามีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรบ้าง หรือขายสินค้าและบริการอะไร และที่สำคัญ เว็บไซต์ของเรานั้นมีความน่าเชื่อถือขนาดไหน 

แต่ถ้าหากว่าเว็บไซต์เรามีอายุประมาณหนึ่งแล้ว โอกาสในการไต่อันดับ SEO ก็จะยิ่งสูงขึ้น เพราะ Google รู้จักและตรวจสอบเว็บไซต์ของเราเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่เราต้องทำต่อไปคือต้องมีการอัปเดตและปรับแต่งเว็บไซต์ พร้อมทั้งเรียก Traffic ให้เข้ามาสู่เว็บไซต์อยู่เสมอ เพื่อเพิ่มโอกาสในการไต่อันดับและรักษาคุณภาพของเว็บไซต์อยู่เสมอ

ภาพจาก sitechecker

3. On-page SEO (On-site SEO)

คุณภาพของคอนเทนต์

  • คอนเทนต์ต้องสร้างคุณค่า ประโยชน์ ตอบคำถาม และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับคนที่เข้ามาอ่านได้
  • คอนเทนต์ควรที่จะต้องมีความยาวประมาณหนึ่ง เพื่อให้คนที่เข้ามาอ่านได้ใช้เวลาอยู่บนเว็บไซต์นานขึ้น และสามารถคลิกต่อไปยังส่วนอื่น ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงเกิด Conversion ขึ้นได้

การเคลื่อนไหวบนเว็บไซต์

  • มีการปรับปรุงเว็บไซต์ (เช่น การแก้รูปภาพหรือลิงก์ที่เสีย, อัปเดตเว็บไซต์ให้ดูทันสมัยขึ้น) และมีการอัปเดตคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่ว่าจะได้มอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งานอยู่เสมอ และ Google จะได้รู้ว่าเว็บไซต์ของเรายังมีการเคลื่อนไหวอยู่ ไม่ใช่เว็บไซต์ที่ร้างไปแล้ว

Page Speed

  • สถิติจาก Unbounce บอกว่าเกือบ 70% ของผู้บริโภคยอมรับว่า Page Speed มีอิทธิพลต่อการซื้อสินค้าออนไลน์ของพวกเขา และถ้าหากเว็บไซต์โหลดนานเกิน 3 วินาที พวกเขาจะกดออกจากเว็บไซต์ทันที ดังนั้นเราต้องทำเว็บไซต์ให้โหลดเร็วอยู่เสมอ เพื่อที่ว่าคนจะได้อยู่บนเว็บไซต์และไม่กดออกไปอ่านบทความหรือเว็บไซต์ รวมถึงไปซื้อสินค้าของคู่แข่ง 
  • นอกจากนี้ ถ้าคนกดออกจากเว็บไซต์เยอะเท่ากับว่าเว็บไซต์ของเราจะมี Bounce Rate (อัตราการตีกลับ) สูงขึ้น ทำให้มีผลต่อการทำ SEO ด้วย
  • เครื่องมือที่ใช้วัด Page Speed เช่น Google Analytics, Goolge Page Speed เป็นต้น

จำนวน Traffic ที่เวียนอยู่บนเว็บไซต์

  • Traffic ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากต่อการทำ SEO เว็บไซต์ให้ติดหน้าแรก เพราะถ้าไม่มี Traffic เลย Google ก็จะมองว่าเว็บไซต์ของเราไม่มีคุณภาพและไม่น่าเชื่อถือมากพอที่จะดึงดูดคน ดังนั้นเราควรที่จะต้องทำให้เว็บไซต์ของเรามี Traffic เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ เช่น การโปรโมตลงบนโซเชียลมีเดีย หรือการใส่ Internal Link ให้คนใช้เวลาอยู่บนเว็บไซต์ของเรานานขึ้น

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม:

4. Off-page SEO

Off-page SEO คือ การใช้ปัจจัยภายนอกเข้ามาทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จักและมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยก่อนที่เราจะทำ Off-page SEO ได้นั้นก็ล้วนเป็นผลพลอยได้มาจากการทำ On-page SEO ทั้งสิ้น

การทำ Off-page SEO เช่น การที่เว็บไซต์อื่นใช้เว็บไซต์เราเป็นแหล่งอ้างอิง แล้วให้เครดิตโดยการติด Backlink กลับมาที่เว็บไซต์ของเรา หรือไปเป็น Guest เขียนบทความให้กับเว็บไซต์อื่น แล้วติด Backlink มาที่เว็บไซต์ของเรา นี่ก็ถือเป็นตัวช่วยที่ทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์เราเป็นเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำอันดับได้สูงขึ้นอีกหนึ่งวิธี

ภาพจาก vice

ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้

ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้มักจะเป็นเรื่องของอัลกอริทึมของ Google และคู่แข่ง ซึ่งเราไม่สามารถควบคุมได้ด้วยตัวเอง

1. Google Algorithm

Google Algorithm คือ ระบบการทำงานที่ Google ใช้ในการพิจารณาการจัดอันดับการค้นหาบน Google ที่จะมีการอัปเดตอยู่เป็นประจำ ซึ่งบางครั้งเว็บไซต์ของเราอาจติดอันดับ 1 บนหน้าค้นหาอยู่แล้ว แต่เมื่อ Google มีการอัปเดตอัลกอริทึม ก็อาจส่งผลให้เว็บไซต์ของเราอันดับร่วงทันทีก็ได้ โดยปัจจัยที่มีผลต่อ Google Algorithm เช่น

  • Backlink ลิงก์ย้อนกลับ
  • Fresh Content เนื้อหาที่สดใหม่
  • Keyword Density ความหนาแน่นของคีย์เวิร์ด
  • User Experience ประสบการณ์ของผู้ใช้
  • Authority การเป็นศูนย์กลางของข้อมูล

ดังนั้นสำหรับนักการตลาดออนไลน์ทุกคนก็ควรที่จะต้องอัปเดตอย่างสม่ำเสมอว่าในปีนั้น ๆ Google ได้อัปเดตอะไรใหม่ออกมาบ้าง เพื่อที่ว่าเราจะได้รู้ทัน และกลับมาปรับปรุงเว็บไซต์หรือบทความให้มีความสดใหม่อยู่เสมอ

รู้หรือไม่? ข้อมูลจาก Play-media บอกว่า Google Algorithm มีการอัปเดตประมาณ 400-500 ครั้งต่อปี โดยส่วนใหญ่อาจจะไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนเท่าไร แต่บางครั้งการอัปเดต 1 ครั้งก็เปลี่ยนแนวทางของการทำ SEO ไปเลย
ภาพจาก deepblue-digital

2. คู่แข่ง

ธุรกิจออนไลน์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง แล้วทุกคนก็ล้วนที่จะมุ่งสู่การติดอันดับหน้า 1 บน Google ให้ได้เหมือนกับเรา อันดับของเราแซงคู่แข่งได้ คู่แข่งก็แซงเราได้เหมือนกัน นี่จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าคู่แข่งก็เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือจากการควบคุมของเราเอง

อย่างไรก็ตาม เราก็ควรที่จะมีการรักษาคุณภาพเว็บไซต์ของเราให้ดีอยู่เสมอ หมั่นทำ Keyword Research หรือ Competitor Analysis เป็นประจำ เพื่อวิเคราะห์ว่าตอนนี้คู่แข่งของเรากำลังใช้กลยุทธ์อะไรในการไต่อันดับอยู่บ้างหรืออันดับของคู่แข่งอยู่ที่เท่าไรแล้ว อย่าให้คู่แข่งไต่อันดับแซงเราไปง่าย ๆ

นอกจากนี้ สำหรับใครก็ตามที่อาจจะยังไม่เชี่ยวชาญด้าน SEO มากนัก การใช้เอเจนซี่การตลาดที่มีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ทางด้าน SEO เป็นผู้ดูแลให้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีเช่นกัน

ภาพจาก webflow

ทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกต้องใช้เวลาเท่าไร?

สถิติจากเว็บไซต์ Morningscore ได้แสดงให้เห็นผลสำรวจจากผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO หลาย ๆ คนที่บอกว่า การที่เว็บไซต์จะติดอันดับบนหน้าแรกหรืออันดับ 1 บน Google หรือได้ผลออกมาเป็นที่พอใจ จะต้องใช้เวลาประมาณ 6-12 เดือน ในการติดอันดับหน้าแรก

ภาพจาก morningscore

Pavle Radeka ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ของ CommonMind กล่าวว่า “จากประสบการณ์ของเรา อาจใช้เวลาตั้งแต่ 3 เดือนถึงมากกว่า 1 ปีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นรูปธรรม เพราะการที่จะติดอันดับ SEO จะขึ้นอยู่กับเว็บไซต์, คุณภาพของคอนเทนต์ รวมไปถึงความสามารถในการแข่งขันโดยรวมในคีย์เวิร์ดนั้น ๆ โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 6 เดือน”

ดังนั้นแล้วไม่มีใครที่สามารถกำหนดล่วงหน้าแบบเป็นตัวเลขที่ชัดเจนได้ว่า เว็บไซต์หนึ่งจะใช้เวลานานเท่าไรในการติดอันดับ แต่ส่วนมากจะบอกได้เป็นช่วงเวลาคร่าว ๆ เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นนั่นเอง

ทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับหน้าแรกใน 1 เดือน ได้ไหม?

สำหรับใครที่อยากทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับหน้าแรกใน 1 เดือน ก็สามารถทำได้ ด้วยการใช้เทคนิคที่เรียกว่า ‘สายดำ’ หรือการซื้อ Backlink จากเว็บสายเทา แต่สำหรับเราไม่แนะนำให้คุณทำแบบนั้น เพราะมันทำได้เพียงในระยะสั้นเท่านั้น และไม่เป็นผลดีต่อการทำ SEO ในระยะยาวแน่นอน 

ถ้าหาก Algorithm ของ Google ตรวจพบเจอเมื่อไร Google ก็จะลงโทษและแบนเว็บไซต์ของเรา สิ่งที่เราทำมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่าไปทันที ไม่คุ้มที่จะเสี่ยง และนั่นก็ไม่เป็นผลดีต่อเว็บไซต์ที่ต้องการทำธุรกิจในระยะยาวแน่นอน

สรุปทั้งหมด

สำหรับการทำ SEO ให้ติดเว็บไซต์หน้าแรกนั้นก็ไม่มีใครที่สามารถกำหนดเวลาได้ตายตัว เพราะมันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่เราได้อธิบายมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านเทคนิคหรือความสม่ำเสมอ และอย่าลืมว่า ถ้าอยากทำให้เว็บไซต์ติดอันดับได้ระยะยาวและยั่งยืนก็ไม่ควรที่จะเสี่ยงไปใช้วิธีผิด ๆ ด้วย

เราเชื่อว่าถ้าคุณสามารถทำ SEO ให้ติดอันดับหนึ่งคีย์เวิร์ดแล้ว คีย์เวิร์ดต่อ ๆ ไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปสำหรับคุณอย่างแน่นอน แต่สำหรับใครที่ต้องการคำปรึกษา หรืออยากจ้างเอเจนซี่ด้าน SEO โดยเฉพาะ The Growth Master ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกดี ๆ ที่ช่วยคุณได้ สามารถติดต่อเราได้เลยตอนนี้ เพื่อโอกาสทางธุรกิจที่มากขึ้นของคุณ :-)

ไม่พลาดทุกข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น

ติดตามได้หลากหลายช่องทางที่คุณสะดวก ไม่ว่าจะเป็น e-mail, line หรือ youtube
Subscribe

เราช่วยธุรกิจของคุณให้เติบโตอย่างยั่งยืนบนโลกดิจิทัลด้วยการใช้ศาสตร์ Growth, เครื่องมือด้านเทคโนโลยี, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการสร้างทีม

ติดตามข้อมูลการตลาด
Growth Hacking ได้เลยทีนี่
มากกว่า 2,000 บริษัทติดตาม The Growth Master ตอนนี้
ไปที่หน้า Subscribe