เชื่อว่าศาสตร์ Growth Hacking สำหรับเหล่านักการตลาดอาจคงคุ้นเคยได้ยินผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง แต่สำหรับบางคนก็ถือว่ายังคงเป็นศาสตร์ที่ใหม่อยู่ หรือบางคนก็อาจเพิ่งเคยเห็นคำนี้เป็นครั้งแรกว่ามันคืออะไร เพราะศาสตร์นี้ถือว่าเป็นศาสตร์ที่ใหม่มากสำหรับประเทศไทยของเรา
Growth Hacking คือ กลยุทธ์หรือวิธีการที่จะทำให้บริษัทโตได้อย่างรวดเร็วที่สุด ด้วยการใช้วิธีการทดลอง สังเกต และเรียนรู้จากการสร้างสมมติฐาน ซึ่งองค์กรใหญ่ ๆ ระดับโลกก็ใช้กลยุทธ์การเติบโตนี้ในการขับเคลื่อนธุรกิจเหมือนกัน เช่น Youtube, PayPal หรือ Airbnb
และหนึ่งอาชีพที่เกิดมาขึ้นพร้อม ๆ กับศาสตร์นี้ เรียกว่า “Growth Hacker” ซึ่งคือ กลุ่มคนที่เก่งรอบด้าน ที่ทำหน้าที่ในการทำ Growth Hacking ให้กับธุรกิจของคุณ และพวกเขาจะมีเพียงเป้าหมายเดียวในการทำงาน คือ “การทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตโดยใช้เวลาเร็วที่สุด” โดยไม่สนถึงวิธีการใด ๆ ทั้งนั้น
วันนี้ The Growth Master จึงจะมาแนะนำ 9 เส้นทางสู่การเป็น Growth Hacker เพื่อทำให้ธุรกิจของคุณเองเติบโตแบบติดจรวด หรือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสายอาชีพใหม่ของคนที่สนใจ มีอะไรบ้างไปดูกันต่อเลย
9 เส้นทางสู่การเป็น Growth Hacker สำหรับสาย Growth มือใหม่ เรามาดูกันว่า ถ้าคุณอยากเป็น Growth Hacker ที่เพรียบพร้อมและเป็นมืออาชีพต้องมีการเตรียมตัวยังไงบ้าง ไปดูกันเลย
1. มี Growth Mindset จุดเริ่มต้นของการเป็น Growth Hacker (หรือสำหรับการทำอะไรใหม่ ๆ ก็ตาม) เกิดมาจากการมี Growth Mindset ก่อนเลยเป็นอันดับแรก เนื่องจาก Growth Mindset เป็นรากฐานการเติบโตของทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าหากไม่มี ก็ไม่สามารถจะก้าวไปเรียนรู้ขั้นตอนต่อไปได้เลย ยิ่งโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงทุก ๆ วัน จึงต้องหมั่นคอยเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ถ้าไม่กล้าเปลี่ยนแปลงตัวเองตามโลกที่หมุนไปเรื่อย ๆ มัวแต่หยุดยืนอยู่ที่เดิม หรือไม่มีความเชื่อว่าตัวเองทำได้ ก็คงเป็นเรื่องที่ยากในการเรียนรู้ รวมไปถึงการคิดสร้างสรรค์เพื่อทำสิ่งใหม่ และทำให้ธุรกิจให้เติบโตและยั่งยืนได้เร็วที่สุด
อ่านบทความเกี่ยวกับ Growth Mindset ได้ที่: เปลี่ยนตัวเองใน 5 นาทีด้วย Growth Mindset
2. เรียนรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับ Growth Hacking นี่เป็น Stage เริ่มต้นต่อมาที่ง่ายที่สุดสู่การเป็น Growth Hacker มือใหม่ นั่นคือการเรียนรู้ศาสตร์ Growth Hacking ซึ่งในปัจจุบันนี้ต้องขอบคุณผู้มีพระคุณ (เทคโนโลยี) ที่เข้ามามีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกในการค้นหาความรู้ที่เกี่ยวกับศาสตร์นี้
สำหรับประเทศไทยก็ยังคงมี Source ให้อ่านยังไม่มากเท่ากับของต่างประเทศ แต่เว็บไซต์ The Growth Master ของเราก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ช่วยทำให้คุณมีความเข้าใจเกี่ยวกับศาสตร์นี้มากขึ้นอย่างแน่นอน
หนังสือที่เราแนะนำก็จะมี
หนังสือ Hacking Growth โดย Sean Ellis ผู้คิดค้นศาสตร์ Growth Hacking BlitzScaling โดย Bill Gates Traction โดย Gino Wickman และเว็บไซต์ต่าง ๆ เช่น
หรือถ้าใครที่เป็นสาย Podcast ก็มีมาแนะนำเหมือนกัน เช่น
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Podcast ได้ที่ ลิงก์นี้
เมื่อหาความรู้แล้วก็อย่าปล่อยให้การเรียนรู้ของคุณนั้นสูญเปล่า ควรจะมีการนำไปปรับทดลองใช้ในชีวิตจริงด้วย เพื่อให้เห็นถึงประสิทธิภาพมากขึ้น เริ่มต้นด้วยการนำความรู้ของคุณไปใช้และสร้างการเติบโตให้เกิดขึ้นจริง
3. ศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Growth Hacking นี่อาจเป็นหนึ่งวิธีในการเพิ่ม Inspiration ให้กับตัวเอง เพราะว่าถ้าเราได้ศึกษาประวัติ หรือเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เราจะได้เห็นวิธีการคิด วิธีการทำงาน รวมไปถึงเส้นทางกว่าที่จะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จของเขาด้วย ซึ่งสามารถนำจุดนั้นมาเป็นแบบอย่างหรือปรับใช้กับเส้นทางการเติบโตของตัวเองได้ Growth Hacker ที่มีชื่อเสียงด้านนี้ เช่น Sean Ellis, Noah Kagan, Nir Eyal, Lincoln Murphy, Neil Patel เป็นต้น
และถ้าเรามีโอกาสได้ใกล้ชิดกับ Growth Hacker ตัวจริงตัวเสียง พวกเขาก็เปรียบเสมือนเป็น Mentor ที่ให้คำปรึกษาเส้นทางการเป็น Growth Hacker และสามารถ่ายทอดความรู้ดี ๆ ในการทำธุรกิจให้เติบโตกับเราได้อย่างแน่นอนอีกด้วย (แต่ในประเทศไทยของเรายังมีบุคคลที่เชี่ยวชาญด้านนี้ค่อนข้างน้อยเลยทีเดียว)
หรือถ้าใครอยากร่วมงานกับ Growth Agency ของประเทศไทย ตอนนี้ก็มี W EXPERIENCE ที่เป็น Growth Agency เพียงแห่งเดียวของประเทศไทย ที่คุณสามารถร่วมงานด้วยได้ (ขอแอบกระซิบว่าเป็น Agency ที่สร้างเว็บไซต์ให้กับ The Growth Master ด้วยแหละ)
4. พัฒนาตัวเองแบบ T-Shaped Skills to X-Shaped Skills Growth Hacker คือ บุคคลที่เก่งรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงด้าน Market Research และ Product Development ด้วย แต่ก่อนที่จะเป็น Growth Hacker ที่เก่งรอบด้านแบบนั้น คุณควรเริ่มพัฒนาตัวเองด้วยทักษะการทำงานแบบ T-Shaped Skills ก่อน
T-Shaped Skills คือ การมีความสามารถในหลากหลายทักษะ แต่จะมีอยู่ทักษะเดียวที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ เช่น ตอนนี้คุณรู้เรื่องการตลาดออนไลน์หลายอย่าง แต่จะเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในด้านการทำ SEO
ซึ่งตัว T นั้นเกิดจากการเปรียบเทียบส่วนบนของตัว T เป็นหนึ่งทักษะการเรียนรู้ที่กว้างขวาง หลากหลายขณะที่หางตัว T จะดิ่งลง เปรียบเหมือนความรู้ที่เราเชี่ยวชาญเป็นพิเศษเพียงอย่างเดียว
แต่มีเพียง T-Shaped Skills เพียงอย่างเดียวคงไม่พอสำหรับการเป็น Growth Hacker เพราะคุณต้องมี X-Shaped Skills ด้วย หลังจากที่เชี่ยวชาญใน 1 ศาสตร์แล้ว (T-Shaped Skills) ก็ต้องคอยศึกษา ต่อยอดพัฒนาตัวเองด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น เชี่ยวชาญด้าน SEO แล้ว ก็ฝึกฝนการยิง Ads จนเชี่ยวชาญต่อไป เมื่อคุณมี T-Shaped Skills แล้วก็จะกลายเป็นคนที่มีทักษะ X-Shaped Skills ต่อทันที
ภาพจาก thegrowthmaster X-Shaped Skills คือ ผู้เชี่ยวชาญในสายงานหลายด้าน (ส่วนใหญ่มากกว่า 2 ด้าน) เช่น อะไรที่เกี่ยวกับ Digital Marketing คนที่มี X-Shaped Skills จะมีความสามารถมากกว่าใคร เข้าใจ และทำได้ทั้งหมด ซึ่งนอกจากความรู้ในสายงานแล้ว X-Shaped Skills ยังรวมถึงเรื่องของการมี Soft Skills อย่าง Team Management และภาวะความเป็นผู้นำด้วย
อ่านบทความเพิ่มเติม:
Growth Marketing คืออะไร? ทำไมถึงเป็นศาสตร์การตลาดเพื่อการเติบโตของธุรกิจที่คุณต้องรู้
ภาพจาก thegrowthmaster 5. เรียนรู้พื้นฐานที่มากกว่าด้านการตลาด เพราะกลยุทธ์ Growth Hacking เป็นส่วนหนึ่งของการตลาด หากเราไม่มีพื้นฐานด้านการตลาดเลย ก็อาจทำให้การเรียนรู้สะดุดไปบ้าง และทำให้ไม่เข้าใจในส่วนอื่นต่อไปด้วย แต่เราเป็นคนที่มี Growth Mindset อยู่แล้ว ทำให้การเรียนรู้ในเรื่องใหม่ ๆ ไม่ใช่เรื่องที่ยากอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งที่เราทำในฐานะ Growth Hacker ล้วนมาจากแนวคิดพื้นฐานการตลาดเหล่านั้น แต่ Growth Hacking ก็มีความแตกต่างจากการตลาดทั่วไปด้วย
เพราะคนที่เป็น Growth Hacker จะต้องมีความรู้ความสามารถแบบรอบด้าน ทั้งด้านการตลาด (Marketing), การวิจัยตลาด (Market Research) และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Development), ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User Experience)
เรียกได้ว่า Growth Hacker จะมีส่วนร่วมอยู่ในทุกขั้นตอนของการเติบโตของธุรกิจเลยทีเดียว
ภาพจาก pinterest 6. เรียนรู้ในด้าน Data Analytics Growth Hacker มักจะเป็นคนที่ชอบวิเคราะห์ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมองทุกอย่างเป็น "ตัวเลข" ไปหมด แต่หมายความว่าให้วิเคราะห์จาก Data (ข้อมูล) เพราะมันเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า "อะไรใช้ได้ผลและอะไรไม่ได้ผล"
ข้อมูลจะช่วยให้วางแผนต่อยอดหาขั้นตอนที่ดีที่สุด ช่วยให้เข้าใจผู้ใช้งานหรือลูกค้า และช่วยให้เรารู้ว่าควรดำเนินงานต่อไปอย่างไร เพราะฉะนั้นไม่ควรเพิกเฉยต่อข้อมูลที่ได้รับมา แต่ควรเรียนรู้ที่จะวิเคราะห์ ซึ่งก็มี Tools ต่าง ๆ มากมายในด้าน Data Analytics
ซึ่งการทำ Data Analytics มันเป็นสิ่งที่เข้ามาช่วยดูว่าควรปรับปรุง แก้ไข เพิ่มลดอะไร เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจต่อไปได้ในอนาคตได้
ภาพจาก everydaymarketing 7. กล้าลองผิดลองถูกและเรียนรู้จากความผิดพลาด เพราะโลกนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงมีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นมามากมาย นั่นทำให้กลยุทธ์ของ Growth Hacking ดิ้นได้อยู่เสมอ ซึ่งมันไม่มีใครบอกได้ว่าวิธีนั้นถูกหรือผิด คุณจึงต้องอาศัยการทดลองที่เป็นหัวใจสำคัญของ Growth Hacking เช่น การทำ A/B Testing หาสิ่งที่ตอบโจทย์กับธุรกิจที่สุด
ซึ่งมีตั้งแต่การตั้งสมมติฐาน กล้าทดลองกลยุทธ์ วิธีคิด เทคนิคการดำเนินการ รวมไปถึงเครื่องมือใหม่ ๆ ที่จะสามารถช่วยให้การทำธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน เพราะทุกความสำเร็จล้วนเกิดจากการทดลองนับครั้งไม่ถ้วน
แต่ขึ้นชื่อว่า “การทดลอง” แล้ว แน่นอนว่ามันก็ไม่ได้มีแค่ความประสบความสำเร็จเกิดขึ้นเท่านั้น มันก็ต้องมีความผิดพลาดเกิดขึ้นบ้างเป็นธรรมดา แต่ผู้ที่เป็น Growth Hacker ที่ดี ก็ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น แล้วนำมาคิดหาสาเหตุว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร เพื่อที่จะนำไปปรับปรุงแก้ไขในการทดลองต่อไป
ไม่มีใครบอกได้ว่าวิธีนั้นถูกหรือผิด มีเพียงแต่การทดลองและการเติบโตเท่านั้นที่จะบอกได้ว่า “คุณเดินมาถูกทางแล้วหรือไม่” ภาพจาก thegrowthmaster 8. เทคโนโลยีคือมิตรรัก หัวใจสำคัญของ Growth Hacking คือ การทำธุรกิจให้เติบโตรวดเร็ว ยั่งยืน โดยใช้เวลาน้อยที่สุดในการไปถึงเป้าหมาย (Goal) ของคุณ ซึ่งเครื่องมือ Automation ต่าง ๆ นี่แหละที่เป็นตัวช่วยชั้นดีในการเข้ามาช่วยเร่งการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงาน จะทำให้ Flow การทำงานของกลยุทธ์ Growth Hacking มีความราบรื่นขึ้น และเป็นทางลัดไปสู่การเติบโตได้ ถ้าขั้นตอนไหนมีช่องโหว่เกิดขึ้นและทำให้การทำงานต้องสะดุด เครื่องมือ Automation จะเข้ามาช่วยอุดช่องโหว่ตรงนั้นเอง
ถ้า Growth Hacker แบบคุณมีกระบวนการคิดแบบ Growth แล้ว บวกกับใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยด้วย รับรองว่าจะทำให้การสร้างธุรกิจที่มีจำนวนทรัพยากรอยู่อย่างจำกัดมีคุณค่ามากขึ้น และเติบโตขึ้นกว่าการทำงานแบบทั่วไปอีกด้วย
9. มี Passion รักในการเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น สิ่งสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลย คือ Passion หากคุณไม่มีสิ่งนี้ อาจทำให้คุณถอดใจล้มเลิกไปกลางทางก่อนที่จะได้เป็น Growth Hacker แบบเต็มตัวแล้วก็ได้
เพราะ Growth Hacking คือ กลยุทธ์ที่ตกผลึกมาจากศาสตร์ Creative Marketing (การตลาดแบบทำน้อยได้มาก), Behavioral Psychology (จิตวิทยาพฤติกรรมผู้บริโภค), Data & Analytics (การวัดผลและวิเคราะห์ข้อมูล) และ Technology & Automation (การใช้เทคโนโลยีทุ่นแรง) ทำให้ต้องใช้พื้นที่การเรียนรู้ขนาดใหญ่ ต้องมีความรู้ครอบคลุมรอบด้าน
ภาพจาก wjamesventures ดังนั้น คุณจึงต้องมี Passion รักในการเรียนรู้อย่างไม่จบสิ้น เพราะนับวันโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลง มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นมาอยู่เสมอ และเทคโนโลยีก็ยิ่งมีการพัฒนาอย่างไม่จบสิ้น จึงทำให้คุณต้องมีการพัฒนาความรู้และตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นอยู่เสมอ
ตราบใดที่คุณยังมีนิสัยรักในการเรียนรู้เส้นทางสู่การเป็น Growth Hacker ก็อยู่ไมไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน
สรุปทั้งหมด ในปัจจุบัน Growth Hacker ในประเทศไทยยังคงมีน้อยมากและยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก แต่กลับกันในต่างประเทศเริ่มมีเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ใน Silicon Valley อาณาจักรของบริษัทมหาอำนาจของโลก มี Growth Hacker ค่อนข้างเยอะในหลายองค์กรแล้ว โดยเฉพาะบริษัทด้านเทคโนโลยี ซึ่งพวกเขาก็ได้ตั้งแผนก Growth แยกออกมาไม่ต่างจากแผนก Marketing ทั่วไปเลย เช่น Growth Marketer, Growth Marketing Manager
ถ้าคุณอยากสร้างความแตกต่างในสายการตลาดเพื่อการเติบโต Growth Hacker ก็ถือว่าเป็นอาชีพที่น่าสนใจมาก ๆ อีกอาชีพนึง แต่อย่างไรก็ตาม หนทางสู่การเป็น Growth Hacker ไม่ใช่เพียงแค่ว่าอ่านบทความนี้จบแล้วจะเป็นได้เลย
มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการพัฒนาตัวเองอย่างมาก และเตรียมความรู้ให้พร้อมพอสมควรเลยทีเดียว แต่ถ้าคุณเลือกที่จะเดินมายังสายอาชีพนี้แล้ว รับรองว่าองค์กรไหน ๆ ต่างก็ต้องการตัวคนแบบคุณแน่นอน เพราะฉะนั้น “The Growth Master ขอเป็นกำลังใจให้คุณ และยินดีต้อนรับเข้าสู่เส้นทาง Growth อย่างเป็นทางการนะคะ”
:-)