Growth Mindset คืออะไร
Growth Mindset คือ ทัศนคติที่ว่ามนุษย์ทุกคนสามารถพัฒนาตนเองได้ขึ้นอยู่กับการเรียนรู้ เป็นการคิดเพื่อดันกรอบของตัวเองให้กว้างขึ้น พัฒนาตัวเองให้มากขึ้น และเปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ ที่เข้ามาเป็นเครื่องกระตุ้นให้เกิดการเติบโตเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ
คนที่มี Growth Mindset จะไม่ยึดติดกับผลลัพท์ ไม่ว่าผลลัพท์จะออกมาเป็นอย่างไร จะนำไปสู่การพัฒนาเสมอ มองข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นว่า ไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็นโอกาสในการเรียนรู้เพื่อที่จะเติบโตและก้าวต่อไป ไม่ย้อท้อต่ออุปสรรคใด ๆ และทุกครั้งที่ล้มลง จะต้องลุกขึ้นและก้าวต่อไปให้เร็วกว่าเดิม
ดังนั้นการที่เราคุ้นเคยกับการกล้าลองทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ท้าทายความสามารถของตัวเอง โดยไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความผิดพลาดใด ๆ นั่นเท่ากับการสร้าง Growth ที่จะมาเป็นพลังขับเคลื่อนให้ตัวเราเกิดความก้าวหน้า และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ สำหรับใครที่อยากรู้จัก Growth Mindset มากขึ้น ก็สามารถเข้าไปอ่านบทความเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ใน 5 นาทีด้วย Growth Mindset ได้เลย
มุมมองการนำ Growth Mindset มาใช้ในการทำงาน
"A company that cannot self-correct cannot thrive” - Carol S. Dweck
Growth Mindset สามารถนำมาใช้ได้กับทุกเรื่องบนโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในชีวิตประจำวัน การฝึกอบรม การพัฒนาตนเอง ความสัมพันธ์ หรือการทำธุรกิจ ซึ่งบางเรื่องเราอาจมี Growth Mindset แต่บางเรื่องเราอาจมี Fixed Mindset ก็ได้
สำหรับการทำงาน Growth Mindset คือ การเปิดใจรับสิ่งใหม่และความท้าทาย มองว่าเป็นโอกาสในการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเราและองค์กร เมื่อบุคคลพัฒนา องค์กรก็พัฒนาเช่นกัน เช่น การเปลี่ยนการทำงานแบบดั้งเดิมที่ต้องทำเอกสารหลายขั้นตอนมาเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการ เพื่อลดขั้นตอนในการทำงานให้น้อยลง
การทำงานแบบดั้งเดิมที่มีเอกสารหลายขั้นตอน อาจไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร แต่อย่าลืมว่า โลกเราได้เปลี่ยนแปลงไปในทุกวัน ถ้าไม่เรียนรู้ที่จะลองทำอะไรในรูปแบบใหม่ดูบ้าง ก็เหมือนกับการที่เรากำลังย่ำอยู่กับที่ ในขณะที่คนอื่นได้ก้าวไปข้างหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยิ่งปล่อยไว้นานเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งทิ้งห่างเราไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ
หรือบางคนอาจรู้สึกว่า การทำงานแบบดั้งเดิมเช่นนี้ก็ดีอยู่แล้ว ถนัดแบบนี้ รู้สึกว่ามันง่ายดี แม้ว่าการทำอะไรที่ง่ายและไม่ท้าทายจะไม่ใช่เรื่องผิด แต่ในอีกมุมหนึ่ง นั่นอาจหมายความว่า เรากำลังตกอยู่ใน Comfort Zone ซึ่งไม่ได้ทำให้เราพัฒนาขึ้นได้มากอย่างที่คิด
การทำอะไรเดิม ๆ ก็เหมือนกับการอยู่ในกรอบที่ทำให้เราโตได้มากสุดก็แค่เท่ากรอบนั้น การก้าวข้าม Comfort Zone จะพาเราไปสู่ Growth Zone ที่ทำให้เราเติบโตและเข้าใกล้เป้าหมายของเราไปอีกก้าว
บทความที่เกี่ยวข้อง:
Growth Zone คืออะไร? รู้จัก “พื้นที่แห่งการเติบโต” เส้นชัยอันสวยงาม เมื่อคุณกล้าออกจาก Comfort Zone
3 สิ่งที่ต้องทำ ถ้าอยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จด้วยการใช้ Growth Mindset
5 เคล็ดลับเพิ่มความสนุก ที่จะทำให้การพัฒนา Growth Mindset ของคุณไม่น่าเบื่อ
อีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นในการทำงานคือ Creativity ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการทำน้อยแต่ได้มาก แต่ในโลกที่หมุนไวและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้ จะมีแค่ความคิดสร้างสรรค์อย่างเดียวคงไม่พอ สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคงหนีไม่พ้นเรื่องของการนำ Creativity มารวมกับ Technology เพื่อให้เกิด Innovation
การใช้ความคิดสร้างสรรค์ร่วมกับเทคโนโลยีมารังสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ จะเป็นกุญแจสำคัญทำให้องค์กรสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง และสิ่งเหล่านี้ล้วนมีรากฐานมาจากการมี Growth Mindset ที่แข็งแกร่ง
“Innovation is the ability to see change as an opportunity - not a threat” - Steve Jobs
เมื่อมีความคิดที่พร้อมจะเติบโต เราจะมองว่า ทุกอย่างนั้นเป็นไปได้ มองหาโอกาสในทุก ๆ การเปลี่ยนแปลง เห็นปัญหาเป็นความท้าทายที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ใหม่ ๆ ซึ่งเป็นแนวคิดของ Growth Mindset สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่ดีที่จะนำไปสู่การพัฒนาตนให้มีความคิดสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องและไม่รู้จบ
ในมุมมองของการทำงานในองค์กรเองก็เช่นกัน การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เป็นสิ่งเลวร้าย แต่เป็นความท้าทายและเป็นโอกาสในการเรียนรู้สิ่งใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกวัน และได้เข้ามามีส่วนในการทำงานมากขึ้นเรื่อย ๆ
Digital Transformation
เวลาและวารีไม่เคยรอใคร โลกนี้เองก็เช่นกัน ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันและวิถีการทำงาน หรือที่รู้จักกันในนาม Digital Transformation ธุรกิจที่เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และไม่หยุดพัฒนาอย่างต่อเนื่องเท่านั้น ที่จะสามารถปรับตัวให้อยู่รอด และมีโอกาสที่จะแซงหน้าคู่แข่งได้
ยิ่งมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดที่มาตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของ Digital Transformation และกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคธุรกิจและวิถีการทำงานในองค์กร
SCBX กับกลยุทธ์เดินหน้าเข้าสู่ Digital Transformation อย่างเต็มรูปแบบ
เคสที่กำลังเป็นที่ฮือฮาอย่างมากในขณะนี้ นั่นก็คือ การจัดตั้งบริษัทยานแม่ SCBX ซึ่งเป็นกลยุทธ์การปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลครั้งสำคัญของ SCB เพราะธุรกิจหลักอย่างธนาคารกำลังถึงจุดอิ่มตัว ซึ่งทางองค์กรก็มองว่าในอนาคต โลกจะเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัลแบบสุดขั้ว องค์กรจะสามารถอยู่รอดหรือล้มลงนั้นก็ขึ้นอยู่กับการปรับโมเดลธุรกิจตัวให้เข้ากับยุคสมัย
หรือในมุมมองของการทำงาน จากบทสัมภาษณ์ของคุณอาทิตย์ อานันทวิทยา ประธานบริหารของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ผ่านมา SCB ก็ได้โฟกัสใน DIgital Transformation และมุ่งไปสู่การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีมากขึ้น แต่สถานการณ์โควิดที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการทำงาน ทำให้องค์กรต้องเร่งสปีดในการปรับตัวให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
ยกตัวอย่างเช่น ในตอนแรกบริษัทมีการทำงานที่ใช้เอกสารมากมายกองเท่าภูเขา แต่เพื่อลดความเสี่ยงให้กับบุคลากร จึงได้ปรับลดการใช้ขั้นตอนการทำเอกสารที่ไม่จำเป็นออกไป ซึ่งนั่นช่วยลดค่าใช้จ่ายและเวลา ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีผลลัพท์ออกมาดีกว่าการทำงานในรูปแบบเดิมอีกด้วย
โดยทางคุณอาทิตย์ได้กล่าวว่า New Way of Working นี้เป็นแก่นที่ทำให้เกิด New Culture ที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และทำให้ Work-life Balance ของพนักงานดีขึ้น ซึ่งนำไปสู่ Performance และ Creativity ที่สูงขึ้น และคุณอาทิตย์ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า...
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจะต้องเติบโตขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ถ้าเราเดินหันหลังให้เทคโนโลยี แปลว่าหมดอนาคตแน่นอน เพราะฉะนั้นเราต้องทำทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางอ้อมคือการเข้าไปเป็นพาร์ตเนอร์กับสตาร์ทอัพ รับเทคโนโลยีหรือ Know How เข้ามาใช้ เป็นสิ่งที่ต้องทำมากขึ้น ทำน้อยลงไม่ได้ ทำเท่าเดิมก็ไม่ได้
จะเห็นได้ว่า มุมมองและวิสัยทัศน์ของ SCB นั้น มุ่งเน้นไปในด้าน Digital Transformation ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดมาจากการมี Growth Mindset ที่ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง กล้าเผชิญหน้ากับความท้าทาย ลองเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดอยู่กับที่ แม้ธุรกิจจะประสบความสำเร็จแล้วก็ตาม
ถ้าคุณพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงองค์กรเพื่อนำไปสู่การพัฒนาแล้วล่ะก็… นี่คือ 3 ขั้นตอนการสร้างการทำงานรูปแบบใหม่ด้วย Growth Mindset ที่จะทำให้องค์กรสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดและมั่นคง
3 ขั้นตอนการสร้างการทำงานรูปใหม่ด้วยแนวคิดแบบ Growth (Mindset)
1. Hack Mindset และปลูกฝังแนวคิด Growth ให้ทั้งองค์กร
“I want everyone inside of Microsoft to take that responsibility. This is not about top-line growth. This is not about bottom-line growth. This is about us individually having a growth mindset” - Satya Nadella
สิ่งที่ Satya Nadella ประกาศต่อหน้าพนักงาน Microsoft กว่าแสนคนทั่วโลก ในวันที่เขาสืบทอดตำแหน่ง CEO คนที่ 3 ของ Microsoft ต่อจาก Bill Gates และ Steve Ballmer คือ “สิ่งแรกที่เขาจะทำก่อนเรื่องอื่น ๆ คือการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร” และแน่นอนว่า หัวใจในการ Transform องค์กรที่เขาเลือกคือ การใช้ “Growth Mindset”
จะเห็นได้ว่า การจะปลูกฝังแนวความคิดของ Growth Mindset ให้ทั้งองค์กรนั้นต้องเริ่มจากการนำของฝ่ายบริหารระดับบน แบบที่เรียกว่า Lead from the top เพื่อชี้ให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงและการเรียนรู้สิ่งใหม่เป็นเรื่องจำเป็น ปลูกฝังแนวคิดนี้ไปจนครบทุกคน เพื่อสร้าง Growth Culture ในองค์กร
หลาย ๆ คนอาจกังวลว่า การเปลี่ยนแปลงจะทำให้พนักงานปรับตัวไม่ได้ บริษัทยังขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญ หรือพนักงานที่มีอยู่อาจยังเก่งไม่พอที่จะรับมือกับสิ่งใหม่ ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อผิดพลาดหรือความล้มเหลว ซึ่งความกลัวเหล่านั้นเกิดจากการตีกรอบและจำกัดความสามารถของพนักงานโดยไม่รู้ตัว คิดว่าพวกเขามีศักยภาพไม่เพียงพอ แต่ที่จริงแล้วมันอาจไม่เป็นเช่นนั้น
แนวคิดแบบ Growth ไม่ใช่เพียงแค่การไม่ตีกรอบให้กับตัวเอง แต่ยังหมายถึงการไม่ตีกรอบและไม่มองว่าผู้อื่นไม่มีโอกาสในการพัฒนาตนเองด้วยเช่นกัน แนวคิดนี้จะไม่ขีดเส้นหรือจำกัดความสามารถของใคร เพราะเชื่อมั่นว่า ทุกคนสามารถพัฒนาตนเองให้เก่งกว่านี้ได้และทำทุกอย่างให้เกิดขึ้นได้เสมอ
ถ้าเรารู้ว่า พนักงานของเรายังขาดทักษะบางอย่าง ซึ่งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ยากขึ้น เราต้องเชื่อมั่นว่าทุกคนสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองได้ เพิ่มแรงจูงใจและกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ พัฒนาในทักษะที่ต้องการ โดยการจัดเทรนนิ่งเพื่อฝึกอบรบ และส่งเสริมให้พวกเขาใช้ทักษะเหล่านั้นในการทำงาน เพื่อสร้างการทำงานรูปแบบใหม่ที่เข้ากับยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอยู่ตลอด
เพราะมนุษย์เราสามารถพัฒนาได้อย่างไม่หยุดยั้ง ขอเพียงแค่คุณเชื่อมั่นและปลูกฝังแนวคิด Growth ให้กับทุกคนในองค์กร ทีมที่พร้อมจะรับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลงและเติบโตไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเจอปัญหาใด อยู่ตรงหน้าคุณแล้ว
การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมและรูปแบบการทำงานในองค์กรอาจเป็นการเดินที่ยาวไกลและใช้เวลาไม่ใช่น้อย ๆ แต่เราต้องอย่าให้ความกลัวเหล่านั้นมาเป็นอุปสรรคขวางกั้นการพัฒนา แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายและความล้มเหลวก็ตาม
2. อาวุธสำคัญ คือ ศาสตร์แห่ง Growth Hacking
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า Growth Mindset เป็นรากฐานอันสำคัญที่จะนำไปสู่ความคิดสร้างสรรค์และการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง
อาวุธหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มพลังและเร่งการเติบโตขององค์กรได้คือ ศาสตร์แห่ง Growth Hacking ที่เป็นการผสมผสานการตลาดเชิงสร้างสรรค์, การทดลอง, การวิเคราะห์ข้อมูล และการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงาน เข้าไว้ด้วยกัน เรียกว่าเป็นการนำศาสตร์และศิลป์มาใช้ในการทำธุรกิจนั่นเอง
การนำหลักการของ Growth Hacking เข้ามาประยุกต์ใช้ในการทำงาน คือการใช้ความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นศิลปะร่วมกับเทคโนโลยีที่เป็นวิทยาศาสตร์ เช่น การใช้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีต่าง ๆ ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำมาคิดแคมเปญทางการตลาด
เราขอยกตัวอย่างการทำ Hijack Marketing (การทำการตลาดแบบเกาะกระแสหรือแทรกแบรนด์เข้าไปในเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ) ของ Canal+ ซึ่งเป็นช่องเคเบิ้ลทีวีพรีเมียมที่ต้องสมัครสมาชิกและเสียเงินเพื่อรับชมภาพยนตร์และซีรี่ส์ในช่อง ซึ่ง Canal+ ได้สร้างแคมเปญหนึ่งขึ้นมาเพื่อแนะนำธุรกิจให้ผู้คนรู้จักและเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ โดยใช้ชื่อว่า Winning Delays
Winning Delays เป็นแคมเปญที่มองเห็นโอกาสในวิกฤตตอนที่เกิดปัญหาเที่ยวบินดีเลย์มากมายในสวิตเซอร์แลนด์ Canal+ จึงใช้โอกาสนี้นำ Real-Time Data จากหอบังคับการบิน มาปรับเนื้อหาโฆษณาของ Canal+ ในสนามบิน เพื่อแนะนำภาพยนตร์และซีรี่ส์ตอนสั้น ๆ ที่ดูแล้วจบพอดีกับเวลาที่เที่ยวบินดีเลย์นั่นเอง
แทนที่ผู้โดยสารจะต้องเสียเวลาเป็นชั่วโมงไปกับนั่งนอนรออยู่เฉย ๆ ก็สามารถรับชมและเพลิดเพลินไปกับเนื้อหาสนุก ๆ จาก Canal+ ในสนามบินได้แบบฟรี ๆ เพียงแค่สแกน QR Code ตรงหน้าจอและกรอกเลขเที่ยวบิน เปลี่ยนการรอเที่ยวบินดีเลย์ ให้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
จะเห็นได้ว่า แคมเปญ Winning Delays ของ Canel+ เป็นการนำความคิดสร้างสรรค์มาใช้ร่วมกับเทคโนโลยีและข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อทำการตลาดให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ดึงดูดให้คนมาทดลองใช้งานโดยแทบไม่ต้องลงทุนหรือเสียทรัพยากรอะไรมากมาย พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส เรียกว่า น้อยแต่มาก ของจริง
Growth Mindset จึงเป็นใบเบิกทางสำคัญที่จะนำไปสู่การรังสรรค์กลยุทธ์และนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สามารถสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจและทำให้องค์กรเติบโตได้อย่างมั่นคง โดยใช้ Growth Hacking เป็นอาวุธนั่นเอง
3. Technology is A MUST ไม่ใช่แค่เพื่ออยู่รอด แต่เพื่อเติบโตเหนือใคร
ยิ่งโลกหมุนเร็ว ยิ่งต้องปรับตัว
โลกในยุค Digital Transformation ที่เทคโนโลยีใหม่ ๆ ถูกสร้างขึ้นตลอดเวลา และสถานการณ์ไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ธุรกิจที่สามารถปรับตัวเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้เท่านั้น ถึงจะสามารถอยู่รอดต่อไป เพราะโลกของเราไม่เคยหยุดหมุน และมันยังหมุนเร็วกว่าที่เราคิดเสียอีก
หลาย ๆ บริษัทอาจคิดว่า การทำงานแบบเดิม เช่น การทำงานโดยใช้เอกสารหลายขั้นตอน หรือการคงรูปแบบของโมเดลธุรกิจเป็นแบบออฟไลน์ไว้ ก็ดีอยู่แล้ว การปรับตัวให้เท่าทันกับยุคดิจิทัลและโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ไม่เพียงจะช่วยให้ธุรกิจอยู่รอด และจะทำให้คุณสามารถแซงหน้าคู่แข่งในตลาด และสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้
หนึ่งในแก่นของ Growth Hacking คือการนำเครื่องมือหรือเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำธุรกิจ ซึ่งช่วยลดเวลา ลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อน ช่วยป้องกันปัญหาคอขวดที่อาจเกิดขึ้น สามารถวัดผลและมองเห็นประสิทธิภาพได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดการพัฒนาและการเติบโตในระยะยาว ทั้งของตัวบุคคลและองค์กร เพราะเราสามารถเอาเวลาไปโฟกัสกับงานที่เพิ่มมูลค่าธุรกิจ และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้เร็วยิ่งขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายและการใช้ทรัพยากรก็ลดลงเช่นกัน
ยกตัวอย่าง เช่น Google ที่เติบโตมาจากการเป็น Search Engine ซึ่ง Google ก็ได้นำเครื่องมือและเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใช้ในการทำงาน เพื่อให้พนักงานสามารถเอาเวลาไปคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ นั่นจึงเป็นเหตุให้ Google สามารถออกผลิตภัณฑ์ดิจิทัลมากมาย เช่น Google Map, Gmail, Google Calendar, G suite, Youtube และ Android เป็นต้น จนต้องจัดตั้ง Alphabet มาเป็นบริษัทแม่ของ Google ขึ้นมาอีกที
เพราะการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้และปรับตัวอยู่เสมอ ทำให้ Google สามารถรังสรรค์ให้เกิด Innnovation ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งนำไปสู่การเติบโตอย่างรวดเร็ว (และยังไม่ยอมหยุดพัฒนาต่อ) ดังนั้นจึงอาจพูดได้ว่า การที่เราจะสามารถสร้าง Innovation ให้เกิดขึ้นได้ ต้องมาจากการนำ Technology เข้ามาใช้ ซึ่งนั่นมาจากการมี Growth Mindset ที่พร้อมจะเติบโตเป็นพื้นฐาน
ตอนนี้หลาย ๆ องค์กร ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ก็เริ่มตื่นรู้และตระหนักในเรื่องนี้มากขึ้น รวมถึงสถานการณ์ในปีที่ผ่านมา ที่มาเปลี่ยนวิถีการทำงานของเราทุกคนไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้ผู้คนถามหาการนำเครื่องมือมาใช้มากขึ้น เพื่อการทำงานที่คล่องตัวและยืดหยุ่นกว่าเดิม
ดังนั้นในบริษัทที่มี Growth Mindset พร้อมในการปรับตัวและนำเทคโนโลยีมาใช้ จะสามารถสร้างการเติบโตได้ไวกว่า ถ้าเริ่มก่อนก็จะสามารถเติบโตได้ก่อนใคร โดยอาจเริ่มจากสิ่งที่ต้องใช้มากที่สุดในการทำงาน เช่น ซอฟต์แวร์ด้าน Project Management อย่าง Clickup ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ทีมสามารถจัดการ Task ต่าง ๆ และมองเห็นภาพรวมของการทำงานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สำหรับใครที่สนใจใช้ Project Management Software อย่าง ClickUp ทางทีม The Growth Master ก็ยินดีให้คำปรึกษาทั้งเรื่องการใช้งาน และ การสร้าง Workflow บนแอป ด้วยบริการ ClickUp Consulting and Workflow Building Service โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมด้วยการคลิกที่รูปด้านล่างนี้ได้เลย
หรือใครที่ต้องการนำเทคโนโลยีอื่น ๆ เข้ามาใช้ในการทำงานขององค์กร ทางเราก็มีบริการ Tech Stack Consulting Service หากสนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
บทความที่เกี่ยวข้อง:
แนะนำ 3 Productivity Tools เพื่อการทำงานช่วง Work From Home อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสำคัญของเครื่องมือด้าน Project Management ต่อการทำงานในองค์กรยุคใหม่
รวม 7 ซอฟต์แวร์สำหรับการ Work From Home ที่เราอยากแนะนำให้คุณใช้ในปี 2021
สรุป
The Growth Master เรามุ่งเน้นในการนำศาสตร์ของ Growth Hacking และเทคโนโลยี เช่น ซอฟต์แวร์ และระบบ Automation มาใช้ในการทำงาน เพื่อพัฒนาธุรกิจให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดและมั่นคง โดยคุณสามารถอ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Growth Hacking ได้ที่นี่
การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำงาน ไม่เพียงแค่สร้างพลังในการรังสรรค์สิ่งใหม่ที่จะสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจได้อย่างมากมายมหาศาล แต่ยังทำให้องค์กรสามารถประสบความสำเร็จและอยู่เหนือคู่แข่งได้ ไม่ว่าจะต้องเจอกับสถานการณ์ไม่คาดคิดก็ตาม
การมี Growth Mindset จะทำให้ Digital Transformation ในองค์กรเกิดขึ้นได้ เพราะเมื่อทุกคนเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ กล้าเผชิญหน้ากับความท้าทาย และไม่กลัวความล้มเหลว Growth Mindset เหล่านี้บวกกับศาสตร์ของ Growth Hacking จะสร้างวัฒนธรรมองค์กรและการทำงานรูปแบบใหม่ที่เข้ากับยุคดิจิทัลขึ้นมา
และนั่นแปลว่า องค์กรของคุณพร้อมแล้ว ที่จะสร้างการเติบโตไปด้วยกันอย่างไร้ขีดจำกัดด้วย Growth Mindset