Services
Services
Performance MarketingContent Led GrowthLaunchpad WebsiteBranding
PORTFOLIO
Let's Talk
Services
Performance MarketingContent Led GrowthLaunchpad WebsiteBranding
Services
Portfolio
Let's Talk
คุยกับเรา
Thank you! Your submission has been received!
Oops! Something went wrong while submitting the form.

Growth Update

Salesforce และ Spotify ปรับรูปแบบการทำงานในองค์กรใหม่ ให้พนักงาน Remote Working ได้อย่างอิสระมากขึ้น

Salesforce และ Spotify 2 องค์กรด้านเทคโนโลยี ประกาศจะเริ่มเพิ่มความอิสระให้กับพนักงานในการใช้นโยบาย Remote Working เพื่อการทำงานในปี 2021 โดยแบ่งเป็นออฟชั่นต่าง ๆ ให้พนักงานเลือก
By
Pea Tanachote
February 16, 2021
Light
Dark
ส่งต่อเรื่องราวดีๆ

จากผลพวงของสถานการณ์โควิด-19 ที่เข้ามามีบทบาทต่อการทำงานและการทำธุรกิจทั่วโลก ปัจจุบันก็กินระยะเวลาเกือบ 1 ปีเต็มแล้วที่การระบาดของไวรัสโควิด-19 เข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงานในชีวิตประจำวันของเราและมีแนวโน้มสูงที่เราจะต้องอยู่กับสถานการณ์นี้ไปอีกสักพักใหญ่

ทำให้หลายองค์กรต้องปรับใช้การทำงานที่เรียกว่า Remote Working หรือการทำงานจากสถานที่ไหนก็ได้ แทนที่จะต้องมาทำงานพร้อมกันที่ออฟฟิศ ซึ่งบางองค์กรก็ได้มีการทำงานแบบ Remote Working ไปแล้วในระยะสั้น ๆ แต่ก็มีอีกหลายองค์กรดังที่ตัดสินใจเลือกการทำงานแบบ Remote Working มาปรับใช้ในแบบระยะยาว เช่น Facebook หรือ Microsoft 

แต่ล่าสุดก็มีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้นเมื่อ Salesforce และ Spotify 2 ธุรกิจด้านเทคโนโลยีชื่อดัง เริ่มมีการปรับรูปแบบการทำงานใหม่ โดยการให้อิสระแก่พนักงานให้ Remote Working ได้อย่างเต็มที่มากขึ้น แทนที่จะต้องมาทำงานร่วมกันที่ออฟฟิศในสถานการณ์ที่มีโรคระบาด

โดยทั้ง 2 องค์กรแม้จะตัดสินใจแบบเดียวกัน แต่ก็มีรายละเอียดที่ให้พนักงานปฏิบัติแตกต่างกันออกไป ซึ่งทั้ง 2 แบบถือเป็นตัวอย่างที่ดีให้องค์กรในบ้านเรานำไปปรับเปลี่ยนและประยุกต์กับวัฒนธรรมองค์กรรูปแบบใหม่ 

แต่รายละเอียดการ Remote Working แบบเต็มระบบของทั้ง 2 องค์กรที่ว่ามานั้น จะมีอะไรบ้าง The Growth Master สรุปมาให้คุณแล้ว เชิญติดตามต่อได้ในบทความ

จาก Dropbox สู่ Salesforce กับการเปลี่ยนแปลงองค์กรสู่การทำงานแบบ Remote Working 100%

เมื่อช่วงเดือนมกราคม The Growth Master ได้นำเสนอเบื้องหลังการปลดพนักงานของ Dropbox ที่เป็นผลมาจากการทำงานแบบ Remote Working 100% (Dropbox เรียกนโยบายนี้ว่า Virtual First) ทำให้องค์กรมองเห็นส่วนเกินที่ไม่จำเป็นต่อการทำงาน จนนำไปสู่การลดจำนวนพนักงานในครั้งนี้

ล่าสุด Salesforce อีกหนึ่งบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำด้าน CRM ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานขององค์กรครั้งใหญ่ โดยพวกเขาตัดสินใจให้พนักงานในองค์กรสามารถทำงานแบบ Remote Working ได้อย่างอิสระ ตามความต้องการของพนักงาน

ซึ่งเรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดย Brent Hyder ประธานฝ่ายบุคคลของ Salesforce มีใจความว่า “ปัจจุบันนั้นโลกของเรามีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากมาย ที่ทำให้พนักงานของ Salesforce สามารถเชื่อมต่อกันได้ตลอดเวลาจากทั่วโลก แม้จะมี Time Zone ที่ต่างกัน แต่ก็ยังสามารถทำงานด้วยกันได้เสมอ”

“และเขาไม่เห็นด้วยกับการที่ต้องบังคับให้พนักงานต้องมานั่งทำงานในออฟฟิศให้ครบ 8 ชั่วโมง มันเป็นอะไรที่ตกยุคไปแล้วสำหรับปัจจุบัน มีพนักงานบางคนที่พวกเขาต้องรีบกลับไปรับลูกจากโรงเรียน ดูแลคนในบ้านที่ป่วย หรือคนอื่นที่มีภาระสำคัญ พวกเขาไม่ควรที่จะต้องมาถูกกฏการทำงานที่ออฟฟิศ มาทำให้พวกเขาต้องลำบากในการทำหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ”

ภาพจาก humanping

อีกทั้ง Brent Hyder ยังเสริมต่อว่า “เมื่อ Salesforce ปรับรูปแบบการทำงานมาใช้การ Remote Working ได้อย่างอิสระแบบนี้ ทำให้เราสามารถรับพนักงานเก่ง ๆ มีความสามารถสูงได้จากทั่วโลก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสถานที่หรือการเดินทางอีกต่อไป เพราะระบบการทำงานแบบ Remote Working ได้เชื่อมพวกเราไว้เป็นหนึ่งเดียวกันผ่านออนไลน์หมดแล้ว ซึ่งผมกล้าพูดได้เต็มปากว่าการทำงาน 9TO5 (9โมงเช้าถึง5โมงเย็น) มันได้ตายไปแล้ว”

รายละเอียดของรูปแบบใหม่ของการทำงานแบบ Remote Working ในครั้งนี้นั้น Salesforce ได้เริ่มทำการสำรวจความคิดเห็นของพนักงานทั้งองค์กร โดยให้พนักงานเขียนปัญหาของการทำงานแบบปกติที่ออฟฟิศรวมถึงสิ่งที่อยากให้ Salesforce แก้ไข หลังจากที่ได้สั่งให้พนักงาน Work From Home ไปในช่วงปีที่แล้วจากผลโควิดระลอกแรก

โดยผลสำรวจที่ได้มาพบว่า พนักงานส่วนใหญ่ของ Salesforce รู้สึกมีความสุขกับการทำงานที่บ้านมากกว่าที่ออฟฟิศ ไม่อยากเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศทุกวันเหมือนก่อน แต่อย่างไรก็ตามเกือบ 80% ของพนักงานก็ไม่ได้อยากทำงานที่บ้านอย่างถาวร พวกเขาต้องการเข้ามาออฟฟิศบ้าง เพื่อทำงานสำคัญที่ไม่สามารถทำที่บ้านได้รวมถึงรักษาความสัมพันธ์ระหว่างที่ทำงานด้วย

ภาพจาก theverge

ด้วยเหตุนี้เองเลยทำให้ Dropbox คิดทางเลือกให้กับพนักงานมา 3 แบบ ซึ่งอนุญาตให้พนักงานทุกคนเลือกวิธีการทำงาน (Option) ได้อย่างอิสระได้แก่

1. Fully Remote - คือรูปแบบการทำงานที่ให้พนักงานของ Salesforce ทำงานที่บ้านหรือ Remote Working ได้แบบ 100% ไม่ต้องเข้ามาที่ออฟฟิศเลยถ้าไม่มีธุระสำคัญ ซึ่งตัวเลือกนี้ได้รับความนิยมจากพนักงานที่มีที่พักอาศัยห่างไกลจากออฟฟิศของ Salesforce 

2. Flex - คือรูปแบบการทำงานที่จะยืดหยุ่นขึ้น สำหรับใครที่เลือกตัวเลือกนี้จะต้องเข้ามาออฟฟิศแค่ 1-3 วันต่อสัปดาห์ เพื่อนัดหมายการประชุมกับทีม พบลูกค้า พรีเซนต์งาน หรือทำงานสำคัญต่าง ๆ ที่ไม่สามารถทำที่บ้านได้ 

3. Office-Based - คือรูปแบบการทำงานที่พนักงานยังต้องเข้ามาออฟฟิศเป็นหลัก โดยสำหรับพนักงานที่เลือกตัวเลือกนี้จะต้องเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศมากกว่า 4 วันต่อสัปดาห์ (หรือมาทุกวันก็ได้) ซึ่ง Salesforce ขอความร่วมมือให้พนักงานเลือกตัวเลือกนี้เป็นอันดับสุดท้าย

ทาง Salesforce หวังว่าคำสั่งการทำงานแบบ Remote Working ในครั้งนี้จะช่วยให้พนักงานทุกคนได้อิสระในชีวิตการทำงานมากขึ้น ไม่ต้องมายึดติดว่าวันหนึ่งต้องทำงานให้ครบ 8 ชั่วโมงอีกต่อไป ขอเพียงคุณจัดการกับงานได้ในเวลาที่กำหนด แค่นี้ก็เพียงพอ

นอกจากนั้น Salesforce ยังได้มีการบอก Toolskit หรือชุดเครื่องมือในการทำ Remote Working ที่มีประสิทธิภาพออกมาด้วย โดย Tools หลัก ๆ ที่ Salesforce ใช้ในการ Remote Working นั้นก็จะเป็น Tools ด้านการจัดการทีมของบริษัทตัวเองอย่าง Quip , Slack (อ่านสาเหตุที่ทำให้ Salesforce ตัดสินใจซื้อ Slack ได้ที่ > บทความนี้)

ภาพจาก salesforce

และ Brent Hyder ก็ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า “การปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของ Salesforce สู่ความเป็น Remote Working อย่างเต็มรูปแบบในครั้งนี้ ไม่ใช่การปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน แต่นี่คือการเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรสู่อนาคตด้วยการใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วยในการทำงาน”

“ เราต้องใส่ใจการทำงานของพนักงานทุกคน เพราะพนักงานของเรา คือทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของ Salesforce ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จในอนาคตได้”

Spotify ขอด้วย! กับการทำงานแบบ Remote Working เต็มรูปแบบที่จะเริ่มในเดือนนี้

ไม่ใช่เพียงแค่ Salesforce ที่จะเริ่มนโยบาย Remote Working เต็มรูปแบบในเดือนนี้แต่ Spotify ผู้นำด้าน Music Streaming ชื่อดังของโลกที่ขึ้นชื่อเรื่องวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง ก็ขอปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานขององค์กรให้มีความเป็น Remote Working มากขึ้นเช่นกัน

Anna Lundström (ตำแหน่ง Vice President HR of Spotify) ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่า “ Spotify มีความเชื่อว่า งานคือสิ่งที่คุณทำ ไม่ใช่การมาที่ออฟฟิศ , การให้อิสระในการเลือกสถานที่ทำงานให้แก่พนักงาน เราเชื่อว่าจะช่วยทำให้งานชิ้นนั้นออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้นยังเป็นการเพิ่มสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิตส่วนตัวของพนักงานทุกคนอีกด้วย”

“ที่สำคัญคือทุกวันนี้เราสามารถสื่อสารกันทั้งองค์กรได้แล้ว สิ่งนี้ช่วยให้เรามีการทำงานที่ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือต่าง ๆ ในปัจจุบัน” 

โดยทาง Spotify ได้ออกมาให้ตัวเลือก (Option) การทำงานแบบ Remote Working ให้กับพนักงาน 2  ตัวเลือกด้วยกัน ได้แก่

1. My Work Mode - ตัวเลือกนี้จะอนุญาตให้พนักงานที่เลือก สามารถทำงานแบบ Remote Working ได้ 100% จากสถานที่ไหนก็ได้ แต่ทั้งนี้พนักงานก็ต้องเข้ามาออฟฟิศในวันที่ผู้จัดการของแต่ละแผนกต้องการหรือมีงานสำคัญ

2. Location Choices - หากพนักงานคนใดต้องการเข้ามาทำงานร่วมกันผู้อื่นที่ออฟฟิศบ้าง ทาง Spotify ได้จัดตัวเลือกนี้ไว้ โดยพวกเขาจะให้สิทธิ์การเป็นสมาชิก Co-Working Space ในละแวกต่าง ๆ ทั่วอเมริกาและยุโรปเพื่อใช้ในการทำงาน (เหมือนเป็นออฟฟิศเล็ก ๆ ของ Spotify ทั่วประเทศ) โดยพนักงานที่อยู่ละแวกใกล้ ๆ กันสามารถนัดวันมาทำงานด้วยกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาสำนักงานใหญ่

แต่สำหรับพนักงานคนใด ที่สมัครใจอยากมาทำงานที่สำนักงานใหญ่เหมือนปกติ Spotify ก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด

ภาพจาก spotifynewsroom

สำหรับการออกนโยบาย Remote Working รูปแบบใหม่ของ Spotify นั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งไอเดียในการดูแลพนักงานในองค์กรของ Spotify หลังจากที่ในปี 2018 Spotify เคยออกนโยบาย Flexible Holiday หรือการให้สิทธิ์พนักงานเลือกทำงานในวันหยุดราชการ,เทศกาล แล้วนำสิทธิ์วันหยุดนั้นไปใช้ในวันอื่นแทน ก็เป็นอีกนโยบายที่หลายองค์กรเริ่มนำไปปรับใช้กันแล้ว

โดย Spotify ทิ้งท้ายว่า “นโยบาย Remote Working ขององค์กรเกิดขึ้นจากความไว้วางใจที่เรามีให้กับพนักงาน ในการสื่อสารและการทำงานร่วมกัน ทั้งหมดนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการสร้างวัฒนธรรมองค์กรรูปแบบใหม่ให้กับ Spotify เพื่อหาสิ่งที่เหมาะสมที่สุดให้กับพนักงานทุกคน”

“และเราจะสนับสนุนทั้งในด้านค่าใช้จ่าย ภาษี ประกันภัยทุกอย่าง สวัสดิการต่าง ๆ ให้พนักงานทุกคนของเราทำงานได้อย่างเต็มที่ แม้พวกเขาจะไม่ได้มาเจอกันที่ออฟฟิศทุกวัน เพื่อสร้างการเติบโตให้กับพนักงานเหมือนเดิม”

แล้วองค์กรในไทยสามารถปรับรูปแบบของ Remote Working ให้พนักงานมีความอิสระมากขึ้นได้หรือเปล่า ?

ถ้าคุณอ่านเนื้อหาในหัวข้อด้านบน จะพบเลยครับว่าทั้ง Salesforce และ Spotify จะพูดถึงและให้ความสำคัญกับ “เครื่องมือและเทคโนโลยี” เป็นอย่างมาก 

เพราะถ้าองค์กรมีชุดเครื่องมือ Tools ที่ดี เหมาะสมกับขนาดขององค์กร สามารถให้ทั้งองค์กรทำงานต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพและเชื่อมทั้งองค์กรเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน “สถานที่ทำงาน”อาจไม่ใช่สิ่งสำคัญของการทำงานต่อไป (แต่อย่างไรก็องค์กรควรต้องมีการทำงานที่ออฟฟิศบ้าง เพื่อรักษาความสัมพันธ์ของทีม ไม่ใช่ Remote Working 100%)

ดังนั้นสำหรับองค์กรใดที่เริ่มเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีในการทำงาน แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกใช้เทคโนโลยีหรือซอฟต์แวร์แบบไหนมาปรับใช้กับองค์กร, ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไร The Growth Master ขอแนะนำบริการใหม่ “BUSINESS TECH STACK CONSULTING” บริการให้คำปรึกษาด้านการใช้ซอฟต์แวร์ในบริษัท เพื่อการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ สู่โลกยุคใหม่กับการแก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยี หากองค์กรใดสนใจ เริ่มติดต่อ The Growth Master ได้ที่ >> ลิงก์นี้ 

Source : salesforce , spotify , engadget 
ส่งต่อเรื่องราวดีๆ

คุณอาจจะชอบบทความนี้...

สรุปสถิติ Digital และ Social Media จาก We Are Social ที่นักการตลาดทุกคนต้องรู้ อัปเดตปี 2023
รวม 7 บทความการตลาดที่เราแนะนำให้คุณอ่านก่อนปี 2023

ไม่พลาดทุกข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น

ติดตามได้หลากหลายช่องทางที่คุณสะดวก ไม่ว่าจะเป็น e-mail, line หรือ youtube
Subscribe

เราช่วยธุรกิจของคุณให้เติบโตอย่างยั่งยืนบนโลกดิจิทัลด้วยการใช้ศาสตร์ Growth, เครื่องมือด้านเทคโนโลยี, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการสร้างทีม

Services
Growth AgencyDesign StudioSoftware ConsultingDigital TalentsOur Portfolio
Category
All ArticlesSoftware ReviewGrowth Trends
Company
We're HiringCommunityContact
ติดตามข้อมูลการตลาด
Growth Hacking ได้เลยทีนี่
มากกว่า 4,000 บริษัทติดตาม The Growth Master ตอนนี้
ไปที่หน้า Subscribe

© Copyright 2024 The Growth Master Company Limited All Rights Reserved