ในช่วงใกล้จะสิ้นปีแบบนี้ เชื่อว่าหลายธุรกิจน่าจะกำลังเริ่มวางแพลนหรือกลยุทธ์การทำการตลาดเพื่อเตรียมความพร้อมให้ธุรกิจของคุณ ประสบความสำเร็จในปี 2021 ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า
ซึ่งในแต่ละธุรกิจก็จะมี “ช่องทาง” หรือ “แพลตฟอร์ม” ที่จะใช้สื่อสารกับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันออกไป ตามกลุ่มเป้าหมายของแต่ละธุรกิจ แต่ถ้าให้พูดถึงอีกหนึ่งช่องทาง Social Media ที่มีจุดเด่นในด้านการสร้าง Brand Awareness และการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ทำได้ดีกว่าแพลตฟอร์มอื่น คงหนีไม่พ้น Instagram
โดยสาเหตุที่นักการตลาดต้องรีบศึกษาเรื่องนี้เพราะในปี 2021 จำนวนผู้ใช้งานของ Instagram ทะลุ 1 พันล้านคนทั่วโลกไปแล้ว นั่นเท่ากับ Instagram กำลังจะมีอิทธิพลต่อการทำ Digital Marketing เพิ่มขึ้นอีกและอาจกลายเป็นช่องทางที่พาธุรกิจคุณเติบโตก็เป็นได้
ดังนั้น The Growth Master เลยได้รวบรวม 10 เทรนด์มาแรง สำหรับการทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์ม Instagram จากการเปิดเผยของ Oberlo เว็บไซต์ผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Marketing เพื่อให้นักการตลาดทุกท่านได้นำข้อมูลเหล่านั้น มาปรับแต่งและวางแผนกลยุทธ์การตลาด Instagram ในปี 2021 ของคุณ
ห้ามพลาด! 10 เทรนด์มาแรง สำหรับการทำ Instagram Marketing ในปี 2021
1. Instagram Stories จะกลายเป็นอาวุธสำคัญของการทำ Influencer Marketing
แม้ Instagram Stories จะถูกเปิดตัวขึ้นมาเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว (ตั้งแต่ปี 2016) แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเลยว่าฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์ยอดฮิตที่ครองใจผู้ใช้งาน Instagram มาแล้วทั่วโลก
โดยในปี 2021 นี้ฟีเจอร์อย่าง Instagram Stories กำลังจะเข้ามาเป็นอาวุธสำคัญของการทำ Influencer Marketing มากขึ้น เพราะจากการสำรวจของ Oberlo พบว่ามีแบรนด์ ถึง 78% ที่เลือกใช้ Influencer ให้เผยแพร่คอนเทนต์ผ่าน Instagram Stories
ซึ่งการเติบโตของ Instagram Stories ในปี 2021 ก็กำลังมีแนวโน้มจะเติบโตมากขึ้นอีกและจะกลายเป็นฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมที่สุดในแพลตฟอร์ม (คาดการณ์ว่าจะมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 63%) เพราะฉะนั้นในฝั่งการทำ Influencer Marketing การเลือกใช้ให้พวกเขาสร้างคอนเทนต์ผ่านฟีเจอร์อย่าง Instagram Stories ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้แบรนด์ของคุณได้ดีขึ้นนั่นเอง
เทคนิคที่อยากแนะนำ สำหรับการใช้ Instagram Stories กับ Influencer Marketing
- ใช้ฟีเจอร์ลูกเล่นต่าง ๆ เพื่อดึงให้กลุ่มเป้าหมายสร้าง Engagement เช่น Quiz , Poll Question เป็นต้น
- ใช้การทำคอนเทนต์แบบ Behind The Scene เพื่อให้เห็นถึงเบื้องหลังการผลิตที่น่าสนใจ
- Mentions ชื่อของแบรนด์และติด Hashtag ของแบรดน์ให้ชัดเจน
2. Instagram Reels กำลังจะกลายเป็นฟีเจอร์ที่มีอิทธิพลต่อการทำ Instagram Marketing
แม้ว่าในประเทศไทย อาจจะยังไม่เปิดใช้ฟีเจอร์ Reels ในตอนนี้ แต่นักการตลาดหลายสำนักได้ออกมาวิเคราะห์ทิศทางของฟีเจอร์ Reels ในปี 2021 ว่าจะกลายเป็นฟีเจอร์ที่มีอิทธิพลต่อการทำ Instagram Marketing
โดย Reels คือฟีเจอร์ในลักษณะวิดีโอสั้นความยาวประมาณ 15 - 60 วินาทีที่ Instagram ได้ทำการพัฒนาเพื่อมาแข่งขันกับ TikTok (อ่านเรื่องการพัฒนาฟีเจอร์ Reels ของ Instagram ได้ที่นี่)
ซึ่งสาเหตุที่ Reels เริ่มกลายมาเป็นเทรนด์ที่สำคัญของการทำการตลาดผ่าน Instagram นั่นก็คือในบางประเทศได้มีการปิดกั้น TikTok เช่นในอเมริกา อินเดีย ทำให้แพลตฟอร์มในลักษณะเดียวกันที่เหลืออยู่ ก็จะเหลือแค่ Reels ตัวเดียวเท่านั้น (ในประเทศเหล่านั้นเปิดใช้งานแล้ว แถมได้ Feedback ที่ดีด้วย)
ประกอบกับความเชื่อในฝีมือของ Instagram (ที่มี Facebook คอยดูแลอยู่) หลังจากที่พวกเขาเคยเปิดฟีเจอร์ Stories เพื่อแข่งขันกับ Snapchat มาแล้วและทำให้ฟีเจอร์ Stories เป็นที่นิยมได้ภายในเวลาไม่นาน
ไม่แน่ว่าการเปิดตัวของ Reels ที่กำลังจะเปิดตัวในไทยช่วงปีหน้า อาจเข้ามาเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ “หน้าใหม่” ที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบของการทำการตลาดผ่าน Instagram ก็เป็นได้
3. Instagram Live คือฟีเจอร์ที่เติบโตได้เร็วที่สุดในช่วง Covid-19
จากช่วง Covid-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจทั่วโลกในปี 2020 นี้ถ้าพูดถึงแพลตฟอร์มอย่าง Instagram ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าฟีเจอร์ที่เติบโตได้เร็วที่สุดในช่วงปีนี้ คือ Instagram Live
ซึ่ง Instagram Live ก็คือฟีเจอร์คอนเทนต์ในรูปแบบการเผยแพร่วิดีโอสด ที่เราคุ้นเคยกันดีนั่นเอง โดยจากการสำรวจของ Business Insider ในช่วงปี 2020 นี้พบว่าในขณะที่ทั่วโลกกำลังมีมาตรการรักษาระยะห่างของสังคม ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน การใช้งาน Instagram Live ทั่วโลกพุ่งขึ้นสูงถึง 70% จากปกติ ซึ่งถือว่าเติบโตได้เร็วมากในระยะเวลาไม่นาน
นักวิเคราะห์ได้ออกมาอธิบายถึงปรากฏการณ์ Instagram Live ฟีเวอร์นี้ว่า เป็นเพราะมนุษย์ไม่ได้มีสายสัมพันธ์ที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวเป็นเวลานาน พวกเขาจึงหันไปใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียเพื่อตอบสนองความต้องการในการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
ซึ่งในปี 2021 ที่กำลังจะมาถึง ต้องยอมรับว่าในหลายประเทศสถานการณ์ Covid-19 นี้ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะคลี่คลายลง ประกอบกับผู้ใช้งานได้สัมผัสประสบการณ์ของการใช้ Instagram Live เพิ่มขึ้น ทำให้คาดว่าปีหน้าฟีเจอร์นี้ก็ยังคงเป็นเทรนด์ที่ยังทรงอิทธิพลต่อการทำ Instagram Marketing ต่อเนื่องได้แบบยาวๆ
4. Instagram จะเป็นช่องทางสำหรับการซื้อ-ขายสินค้ามากขึ้น
เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา ผู้ที่ใช้ Instagram ในไทยน่าจะได้เห็นแท็บใหม่ที่ถูกเพิ่มขึ้นมาในหน้าแรก นั่นก็คือฟีเจอร์ Shops ซึ่งสามารถส่งกลุ่มเป้าหมายที่สนใจสินค้าในแบรนด์ของคุณ ให้ทำการซื้อสินค้า บนเว็บไซต์ได้ในไม่กี่คลิก
ถึงแม้ว่าธรรมชาติของ Instagram เองจะไม่ใช่แพลตฟอร์มที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการซื้อ-ขายสินค้า แต่ด้วยวิวัฒนาการของผู้ใช้งาน ที่เริ่มเปลี่ยนให้ Instagram มีความเป็น Online Shopping Platform มากขึ้นทำให้ Instagram เริ่มหันมาพัฒนาลูกเล่นให้เอื้อต่อการซื้อ-ขายสินค้ามากขึ้น
จากสถิติจากผู้ใช้งานในอเมริกา พบว่ามีถึง 36% ที่เลือกชอปปิ้งออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์ม Instagram เป็นหลักและจากการสำรวจของ Facebook ก็พบว่ามีผู้ใช้งาน Instagram กว่า 70% ที่เลือกใช้ฟีเจอร์ Shop มากขึ้น ก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้าอะไรสักอย่าง
ในปี 2021 ทั้งตัวเลขผู้ใช้งานและตัวเลขเวลาเฉลี่ยในการใช้งานแอปพลิเคชั่นเพิ่มมากขึ้น ไม่แน่ว่าปีหน้าเราอาจได้เห็น Instagram เริ่มกลายเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มการทำ Online Shoping ที่นักการตลาดทั่วโลกให้ความสนใจก็เป็นได้
โดยธุรกิจที่อยากใช้ฟีเจอร์นี้ สำคัญที่สุดควรต้องมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองก่อนเลยครับ และสำหรับธุรกิจใดที่กำลังมองหาเอเจนซี่สร้างเว็บไซต์เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ เราขอแนะนำ W Expereince ที่เป็น Growth Agency หนึ่งเดียวของไทย จะช่วยสร้างเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้
5. หน้า Explore Tab ที่ถูกพัฒนาให้ “ตรงใจ” เรามากขึ้น
ถ้าใครที่เล่น Instagram เป็นประจำ ผมเชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่เคยลองกดเข้าไปหน้า Explore Tab โดยหน้า Explore Tab ก็เปรียบเสมือนการแนะนำคอนเทนต์ที่ยังไม่ถูกค้นพบก่อนหน้านี้ให้กับผู้ใช้งาน ผ่านระบบเบื้องหลังการทำงานอย่าง Machine Learning ที่ทาง Instagram ได้มีการพัฒนาให้ตรงกับความชอบของผู้ใช้งานแต่ละคนอยู่ตลอด
จากตัวเลขสถิติที่น่าสนใจ มีถึง 50% ของผู้ใช้งานทั่วโลกที่จะเข้าหน้า Explore Tab ทุกครั้งที่ใช้งาน Instagram ซึ่งนอกจาก Machine Learning ทาง Instagram เองก็ได้มีการจัดหมวดหมู่ของ Content ขึ้นตามความสนใจของผู้ใช้งานแต่ละคน ซึ่ง User สามารถเลือกเฉพาะคอนเทนต์ในเรื่องที่พวกเขาสนใจได้อย่างชัดเจนขึ้น (เช่น Sport , Decor , Travel , Food และอื่นๆ)
ซึ่งในมุมของแบรนด์ต่าง ๆ หน้า Explore Tab ก็เหมือนกับทางลัด ที่ Instagram ออกแบบมาให้ผู้ใช้งานเจอแบรนด์ของคุณได้เร็วและง่ายขึ้น โดยเฉพาะในปี 2021 ที่ Instagram กำลังจะพัฒนา Machine Learning ของหน้า Explore Tab ไปอีกขั้นเพื่อให้ผู้ใช้งานได้พบกับคอนเทนต์ที่ตรงความต้องการของพวกเขามากที่สุด
6. Cross Platform Content จะเข้ามามีส่วนกับ Instagram มากขึ้น
นอกจากจะสนับสนุนคอนเทนต์ของตัวเองแล้ว Instagram ยังส่งเสริมการใช้ Cross Platform Content หรือการเผยแพร่คอนเทนต์ข้ามแพลตฟอร์มอีกด้วย เช่นลงคอนเทนต์ใน Instagram และ Facebook ได้พร้อมกัน
จากในปี 2020 นี้เราอาจจะได้เห็น TikTok ที่แจ้งเกิดดังระเบิดไปแล้วในช่วง Covid แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าอีกหนึ่งฟันเฟืองที่ทำให้ TikTok เป็นที่รู้จักขนาดนี้ ก็เพราะ Instagram นี่แหละครับ กล่าวคือในช่วงที่ยังไม่มีใครรู้จัก TikTok แต่เราล้วนเห็นคอนเทนต์วิดีโอของ TikTok อยู่ใน Instagram ทั้งนั้น (เช่น Dance Challenge ต่างๆ)
รวมไปถึงการที่ Facebook (ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Instagram) เข้าซื้อ GIPHY แพลตฟอร์ม Gif Maker เบอร์ต้น ๆ ของโลกไปเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แล้วเริ่มนำ GIF (หรือภาพดุ๊กดิ๊ก) ที่มีอยู่จำนวนมหาศาลมาใช้ใน Instagram เพื่อสร้างความสนุกอีกระดับให้การทำคอนเทนต์บน Instagram ของผู้ใช้งาน
ทำให้ปีหน้า เราต้องมาคอยจับตาว่า Instagram (หรือ Facebook) จะเข้าไปซื้อกิจการแพลตฟอร์มใดเพิ่มเติมอีกไหม หรือจะมีการให้ความร่วมมือกับแพลตฟอร์มใดอีกที่จะทำให้แพลตฟอร์มนี้สามารถสร้างการเติบโตได้ต่อไปในอนาคต
7. AR Filter ทางเลือกใหม่ของแบรนด์ที่ต้องการสร้างความแตกต่าง
เทคโนโลยีภาพเสมือน Augmented Reality (AR) คือ เทคโนโลยีการนำวัตถุเสมือนที่สามารถเป็นได้ทั้งภาพ วิดีโอ หรือเสียงเข้ามาผสานกับสภาพแวดล้อมจริงที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา เพื่อนำเสนอเนื้อหาของสินค้าและบริการ ให้กับผู้บริโภคผ่านการใช้กล้องบนอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สมาร์ทโฟน
ซึ่งในมุมของ Instagram เราจะคุ้นเคยกับเทคโนโลยี AR ผ่านการใช้งานฟีเจอร์ Stories ซะมากกว่า โดยส่วนใหญ่ก็จะออกไปหาทางแนวเล่นสนุก ๆ กับกลุ่มเพื่อนเช่นการใช้ Fliter แต่ความจริงแล้ว AR สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้นครับ
เพราะบางแบรนด์ก็เริ่มปรับเอา AR มาใช้งานกับการทำ Instagram Marketing แล้วเช่น RayBan , NARS กับฟีเจอร์การลองแว่น ลองลิปสติกผ่าน AR Filter เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ลองเล่น ก่อนการตัดสินใจซื้อจริง
โดยในปี 2021 มีความเป็นไปได้สูงเลย ที่จะมีอีกหลายแบรนด์ที่จะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เราอาจจะได้เห็น IKEA นำ AR มาให้คุณลองโซฟากับห้องคุณได้ อาจได้เห็น Uniqlo กับฟีเจอร์ลองชุดออนไลน์แบบไม่ต้องไปหน้าร้านผ่าน Instagram ก็เป็นได้ครับ ซึ่งตอนนี้ก็ต้องมรรอดูกันว่าในไทย เทรนด์นี้จะกำลังมาเมื่อไหร่
8. Carousel Post คือลักษณะโพสต์ที่จะสร้างความได้เปรียบให้ตัวคุณ
Carousel Post คือลักษณะโพสต์ใน Instagram ที่ให้ผู้ใช้งานเลือกลงรูปภาพ หรือวิดีโอได้ตั้งแต่ 2-10 ภาพ ที่ทาง Instagram เปิดให้ใช้งานมาตั้งแต่ต้นปี 2017 ซึ่งปัจจุบัน เหลือเชื่อว่ามันกลับเป็นลักษณะโพสต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในแพลตฟอร์ม
ด้วยจุดเด่นที่สามารถลงรูปภาพ ได้พร้อมกันทีละเยอะ ๆ โดยไม่ต้องสร้างเป็นโพสต์ใหม่ ซึ่งเหมาะสำหรับแบรนด์หรือธุรกิจที่ต้องลงคอนเทนต์ในลักษณะ Series Content (เนื้อหาต่อเนื่อง) และจากผลสำรวจของ Marketing Charts พบว่าการลงคอนเทนต์แบบ Carousel Post จะช่วยเพิ่ม Engagement Rate ได้ถึง 1.92%
ซึ่งหากตัวเลขยังคงอยู่แบบนี้ต่อไป ก็เป็นที่แน่นอนแล้วครับว่าในปีหน้าการสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบ Carousel Post จะช่วยสร้างความได้เปรียบให้แบรนด์และธุรกิจของคุณได้มากแค่ไหน
9. ฟีเจอร์ Fundraiser กำลังใจของคนสร้างคอนเทนต์
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ Instagram กำลังพัฒนาให้ใช้งานได้ทั่วโลกอยู่ ณ ตอนนี้ หนึ่งในนั้นก็แอบมีฟีเจอร์สายบุญอย่าง Fundraiser หรือฟีเจอร์การระดมทุนให้เหล่าครีเอเตอร์โดยใช้ชื่อฟีเจอร์นี้ว่า Personal Fundfaiser
ซึ่งการระดมทุนนี้ผู้ใช้งานที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไปสามารถเปิดระดมทุน และมอบเงินสนับสนุนได้ทั้งหมด สาเหตุที่ Instagram พัฒนาฟีเจอร์นี้ก็มาจากเหตุการณ์ Covid-19 ที่หลายองค์กร หลายหน่วยงานมีรายได้ลดลง Instagram จึงขอร่วมมือด้วยการเป็นพื้นที่สื่อกลางในการช่วยระดมทุนสู่องค์กรต่าง ๆ
ซึ่งคาดว่าในปี 2021 จากพิษเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีขึ้น อาจส่งผลให้ฟีเจอร์ Personal Fundraiser นี้จะได้รับความนิยมและถูกพูดถึงมากแน่นอน โดยฟีเจอร์นี้กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาอยู่ คาดว่าน่าจะใช้งานได้เต็มระบบในช่วงปีหน้าพอดีครับ
10. IGTV กำลังจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้สำหรับปีหน้า
เทรนด์สุดท้ายนั่นก็คือเรื่องของฟีเจอร์ IGTV ฟีเจอร์เผยแพร่คอนเทนต์แบบวิดีโอยาว ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีขึ้นทุกปี ตั้งแต่มีฟีเจอร์นี้ออกมา
โดยความเปลี่ยนแปลงของฟีเจอร์นี้ในปี 2021 นั่นก็คือ Instagram จะเริ่มเปิดตัวเลือกการสร้างรายได้ให้กับเหล่า Creator ซึ่งรายละเอียดเอาแบบสรุปง่าย ๆ Instagram ก็จะทำ IGTV ให้คล้ายคลึงกับ Youtube นั่นแหละครับ จะมีเปิดให้แบรนด์นำโฆษณามาลงได้ ละก็มีการเอาเงินเหล่านั้นแบ่งให้กับครีเอเตอร์ เพื่อเป็นแรงสนับสนุนให้พวกเขาสร้างคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มมากขึ้น
โดยมีการลือมาว่า เรทราคาที่ Instagram จะให้เหล่าครีเอเตอร์นั้นเฉลี่ยพอ ๆ กันกับ Youtube เลยซึ่งฝั่งธุรกิจเอง การสร้างสรรค์ Content ผ่าน IGTV นอกจากจะสร้าง Brand Awareness ได้ดีแล้ว ยังอาจเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สามารถสร้างรายได้ให้ธุรกิจได้เช่นกัน
ยังไงก็ต้องมาตามดูกันครับว่า Instagram จะพัฒนาฟีเจอร์ IGTV ให้พอแข่งขันกับแพลตฟอร์มวิดีโอเจ้าอื่นได้น่าสนใจขนาดไหน แต่ที่แน่ ๆ ฟีเจอร์นี้น่าจะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงกับการทำ Instagram Marketing ในปี 2021 แน่นอน
สรุปทั้งหมด
จากทั้ง 10 เทรนด์ที่เราได้ทำการสรุปมาให้ผู้อ่านทุกคนได้ติดตามกันในบทความนี้ เชื่อได้เลยครับว่า Instagram กำลังจะกลายเป็นแพลตฟอร์มที่จับตามองมาก ๆ สำหรับการทำ Digital Marketing ในปี 2021 ที่นักการตลาดอย่างคุณจะละเลยความสนใจไม่ได้
โดยสำหรับใครที่สนใจอยากศึกษาเรื่องราวของการทำ Instagram Marketing ให้มากขึ้น คุณสามารถกดเข้าไปอ่านบทความเรื่อง Organic Instagram Growth : ทำการตลาดบน Instagram อย่างไรให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักมากขึ้น (ไม่ใช้โฆษณา) จาก The Growth Master ต่อได้เลยครับ