Content Marketing คือ การสร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน รวมถึงสร้างความประทับใจให้พวกเขาสามารถจดจำแบรนด์หรือสินค้าได้ และเปลี่ยนสถานะจากผู้อ่านกลายมาเป็นลูกค้าของแบรนด์ในที่สุด แต่ด้วยความที่พฤติกรรมและความชอบของผู้บริโภคเปลี่ยนไปในทุก ๆ ปีเราเลยจำเป็นต้องมีการอัปเดต Content Marketing Trends กันสักหน่อย เพื่อให้ตามทันพวกเขาและจับพวกเขาให้อยู่หมัด
บทความนี้ The Growth Master เลยจะพาทุกคนไปดูว่า 7 Content Marketing Trends อัปเดตปี 2023 มีอะไรกันบ้าง ไปดูกันเลย!
7 Content Marketing Trends อัปเดตปี 2023 ไม่อยากตกเทรนด์ห้ามพลาด! 1. มาแรงสุด ๆ ต้อง ‘วิดีโอสั้น’ จากการเข้ามาของ TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้น (Short-form) เมื่อต้นปีที่แล้วได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานอย่างล้นหลาม ด้วยเหตุนี้ทำให้โซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ส่วนมากต่างเข้ามาลงเล่นในสนามของ ‘วิดีโอสั้น’ กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้ง Instagram Reels, Facebook Stories และ YouTube Shorts
โดยสถิติจาก wyzowl แสดงให้เราเห็นว่าในปี 2022
ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตรับชมคอนเทนต์วิดีโอโดยเฉลี่ยมากถึง 19 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (เพิ่มขึ้นจากปี 2021 มาอีก 1 ชั่วโมง) หากคิดเฉลี่ยต่อวันจะอยู่ที่ 2.5 ชั่วโมง 80% ของผู้บริโภคมีการรับชมวิดีโอผ่านโทรศัพท์มือถือ 96% ของผู้บริโภคมักจะทำความรู้จักสินค้าผ่านการดูวิดีโอ 88% ของผู้บริโภคบอกว่าพวกเขามักจะถูกจูงใจให้ซื้อสินค้ามากขึ้นหลังจากดูวิดีโอของแบรนด์ ดังนั้นถ้าเห็นสถิติแบบนี้แล้วธุรกิจก็ควรที่ลองนำวิดีโอสั้นมาปรับใช้กับคอนเทนต์ของตัวเองดู โดยใช้วิดีโอที่ไม่เกิน 1-2 นาที และสร้างวิดีโอที่สื่อถึง Key Message ตรงประเด็นไปเลย เพื่อประหยัดเวลาและปรับให้ตรงกับพฤติกรรมของผู้คนในปัจจุบันที่ไม่ชอบดูอะไรยืดยาวจนเกินไปนั่นเอง
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม:
2. กลยุทธ์ SEO เพิ่มความยั่งยืนให้คอนเทนต์ การทำ SEO (Search Engine Optimization) จะช่วยทำให้ธุรกิจของคุณถูกค้นเจอได้ง่ายขึ้น เพิ่ม Conversion ให้สูงขึ้นไปอีก แถมไม่ต้องเสียเงินทำโฆษณาอีกด้วย ถ้าหากสามารถทำให้เว็บไซต์ของเราอยู่ใน Ranking อันดับแรก ๆ บน Google ได้
จากสถิติของ Backlinko ที่แสดงให้เราเห็นว่าผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมักจะคลิกเข้าไปดูเว็บไซต์ที่อยู่ในอันดับ 1 มากถึง 27.6% เท่านั้นยังไม่หมดเว็บไซต์ที่อยู่ในอันดับ 1 มีโอกาสที่คนจะคลิกมากกว่าอันดับ 10 มากถึง 10 เท่าเลยทีเดียว
ภาพจาก backlinko อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเมื่อไรก็ตามที่เว็บไซต์ของเราติดอันดับการค้นหาหน้าแรกบน Search Engine แล้วก็อย่านิ่งนอนใจไป เพราะ Algorithm ของ Google มีการเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งปี จากที่เคยติดอันดับหน้าแรกอยู่แล้ว เมื่อ Google ปรับเปลี่ยนใหม่ก็อาจะทำให้อันดับของเราขยับขึ้น-ลงได้
ดังนั้นเราควรที่ต้องมีการอัปเดตคอนเทนต์เหล่านั้นให้มีความสดใหม่อยู่ตลอดเวลา รวมถึงมีการสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับผู้ใช้งานอยู่เสมอด้วย จึงจะทำให้คอนเทนต์ของเราติดอันดับ SEO ได้อย่างยั่งยืน
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม:
3. Value Content สร้างคอนเทนต์ที่มอบคุณค่าให้กับลูกค้า ปัจจุบันหลายแบรนด์มีการทำคอนเทนต์มากมาย แต่คอนเทนต์เหล่านั้นกลับไม่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงจุด ดังนั้นในปี 2023 นี้ลองเปลี่ยนมาทำคอนเทนต์ที่สามารถมอบคุณค่าให้กับลูกค้าดูสิ เพราะส่วนมากลูกค้าจะโต้ตอบกับคอนเทนต์ของเราก็ต่อเมื่อพวกเขาคิดว่าคอนเทนต์นั้นมีประโยชน์หรือเกี่ยวข้องกับพวกเขาจริง ๆ
ตัวอย่างเช่น ลองนำคำถามที่ลูกค้าถามเข้ามาบ่อย ๆ มาทำเป็นคอนเทนต์ตอบคำถามที่พบบ่อย (FAQs), ทำคอนเทนต์วิธีการใช้งานหรือแชร์ทริคเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการนั้น ๆ หรือสินค้าและบริการของเราจะช่วยทำให้ชีวิตของลูกค้าดีขึ้นอย่างไรได้บ้าง เป็นต้น
ภาพจาก wirtual 4. ประสบการณ์ของลูกค้า (User Experience) เป็นสิ่งสำคัญ การทำคอนเทนต์ไม่ได้หมายความว่ามีเพียงแค่ ‘เนื้อหา’ เท่านั้นที่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ ประสบการณ์การใช้งานของลูกค้า แม้ใคร ๆ จะบอกว่าคอนเทนต์ของคุณดีที่สุด แต่ถ้าลูกค้ามีประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ดี เขาก็จะบอกลาคุณไปในตอนสุดท้ายอยู่ดี
ภาพจาก interaction-design สำหรับประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าที่ธุรกิจควรให้ความใส่ใจนั้น โดยส่วนมากจะประกอบไปด้วย
ความเร็วของเว็บไซต์ (Page Speed) – ลองคิดภาพว่าถ้าคุณเปิดเข้าเว็บไซต์หนึ่งไปแล้วเว็บนั้นโหลดช้าเกิน 3 วินาที เป็นคุณจะทำอย่างไร? จากสถิติของ Hubspot ลูกค้าเกือบ 70% บอกว่า Page Speed มีผลต่อการซื้อสินค้าออนไลน์ของพวกเขา และ 53% ของผู้ใชงานมักจะกดออกจากเว็บไซต์นั้น ๆ หากโหลดเกิน 3 วินาทีเว็บไซต์ที่รองรับได้ทุกขนาดหน้าจอ (Web Responsive) – สถิติจาก Hubspot บอกว่า 73.1% ของ Web Designers เชื่อว่าการที่ลูกค้าเลือกที่จะกดออกจากเว็บไซต์ไป เป็นเพราะว่าไม่ได้มีการทำเว็บไซต์ที่สามารถรองรับได้ทุกหน้าจอ นอกจากนี้ ผู้ใช้งานมากถึง 72% มักจะชอบเว็บไซต์ที่เป็นแบบ Mobile-friendly (Renolon , 2022)ตำแหน่งการวางรูปภาพ (Image Placement) – คุณเคยเข้าเว็บไซต์ที่มีรูปภาพโฆษณาขึ้นมาบดบังคอนเทนต์จนไม่สามารถอ่านอะไรได้เลยไหมคะ ซึ่งมันเป็นประสบการณ์ที่แย่มาก ลูกค้าก็คุณก็อาจรู้สึกแบบเดียวกัน ดังนั้นคุณต้องมีการจัดวางตำแหน่งรูปภาพให้ดีและอย่าไปบดบังคอนเทนต์ที่ลูกค้าตั้งใจเข้ามาอ่านคุณภาพของรูปภาพ (Image Quality) – ถ้าคุณเป็นธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการที่เน้น Visual เป็นหลัก เช่น เสื้อผ้า, เครื่องประดับ, ที่พัก ฯลฯ การที่รูปภาพมีคุณภาพดีที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าและดึงดูดลูกค้าให้มาซื้อสินค้ากับเราได้ง่ายมากขึ้นนอกจากนี้ ถ้าลูกค้ายังมีความรู้สึกว่าคอนเทนต์นี้เกิดมาเพื่อพวกเขาแล้ว (Personalization) เช่น ช่วยแก้ปัญหาให้เขาได้ ตอบคำถามที่เขากำลังตามหาอยู่ พวกเขาก็จะรู้สึกว่าเขาได้รับประสบการณ์ในเชิงบวกด้วยเช่นกันจากคอนเทนต์นั้น ๆ
ภาพจาก moneyzine อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง:
5. ใช้เทคโนโลยี AR, VR และ Metaverse เข้ามายกระดับคอนเทนต์ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทรนด์ Metaverse ในปัจจุบันมาแรงมาก ๆ และบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างก็เริ่มหันมาลงทุนในเทคโนโลยี AR, VR และ Metaverse เยอะขึ้น ซึ่งอีกไม่นานเราก็อาจจะได้เห็น Metaverse อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ดังนั้นถ้าแบรนด์เรานำเทคโนโลยี AR และ VR เข้ามายกระดับคอนเทนต์ของเราและสามารถครองใจผู้บริโภคไปได้ก่อน ก็จะยิ่งได้เปรียบกว่าเจ้าอื่น ๆ อย่างแน่นอน เช่น แบรนด์มีการใช้ VR เล่าเรื่องผ่าน Virtual Avatar ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญใน Metaverse ในอนาคต
ในปัจจุบันเราก็เห็นว่าหลายแบรนด์ก็ได้เริ่มนำ Avatar มาใช้บ้างแล้ว เช่น WIRTUAL ที่ใช้ Emily เป็น Brand Ambassador หรือ กะทิ Virtual Influencer ของไทยที่เข้ามารับงานพรีเซนเตอร์, ถ่ายแบบโฆษณา, รีวิวสินค้า ให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้เราอาจจะได้เห็นแบรนด์นำ Avatar มาเป็นส่วนหนึ่งในการทำ Content Marketing ของแบรนด์ที่มากกว่านี้อย่างแน่นอน
ภาพจาก instagram อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม:
6. ใช้ Automation Tools เข้ามาช่วยในการทำคอนเทนต์ ในปี 2023 ถือว่าเทคโนโลยีได้พัฒนาขึ้นก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ามี Automation Tools ในตลาดมากมายที่พร้อมจะเข้ามาช่วยให้การทำ Content Marketing ของเรามีความง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น เช่น
ActiveCampaign – ช่วยส่งอีเมลอัตโนมัติให้ผู้คนเข้าถึงคอนเทนต์ของเราได้มากขึ้นUbersuggest – ช่วยทำ Keyword Research สำหรับการทำ SEOGoogle Analytics – ช่วยให้เห็นข้อมูลเชิงลึกที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพของคอนเทนต์และเว็บไซต์Geckoboard – ที่มีฟีเจอร์ Social Media Monitor เอาไว้เกาะติดความเคลื่อนไหว Performace ของคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียสำหรับธุรกิจไหนที่ยังไม่เคยนำ Automation Tools มาใช้ในการทำคอนเทนต์ของตัวเอง ลองนำมาใช้ดูรับรองว่าการทำ Content Marketing ของคุณง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
ภาพจาก surveysparrow 7. ความต่อเนื่องในการลงคอนเทนต์เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป ‘ความต่อเนื่อง’ ก็ยังคงเป็นเทรนด์ที่มีความสำคัญพอ ๆ กับคุณภาพของคอนเทนต์ เพราะถ้าหากธุรกิจมีการลงคอนเทนต์อย่างต่อเนื่องจะช่วยในเรื่องของการทำ CRM (Customer Relationship Management) ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์มีความน่าเชื่อถือ ธุรกิจมีความเคลื่อนไหวอยู่ ยังไม่ปิดตัวหายไป และยังทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์มีความใกล้ชิดกับพวกเขาอยู่เสมอ นำไปสู่การทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อของอีกครั้ง (Retention)
นอกจากนี้ ถ้าหากเว็บไซต์ของคุณมีการทำ SEO การลงคอนเทนต์อย่างต่อเนื่องก็ช่วยให้อันดับ SEO ของคุณดีขึ้นได้ เพราะคอนเทนต์จะช่วยดึงดูดให้มี Traffic ไหลเวียนมายังเว็บไซต์อยู่เสมอ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้อันดับ SEO ของคุณดีขึ้นนั่นเอง
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม:
สรุปทั้งหมด ในปี 2023 นี้ Content Marketing จะกลายเป็นสิ่งที่หลายธุรกิจให้ความสำคัญกันมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน และการที่รู้เท่าทัน Content Marketing Trends ก็จะช่วยทำให้เราเตรียมตัวรับมือกับพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ทันมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นรูปแบบคอนเทนต์ต่าง ๆ ก็ต้องนำไปใช้ให้ถูกกับลักษณะของธุรกิจของคุณด้วย จึงจะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์อย่างที่ธุรกิจของคุณตั้งเป้าไว้ในปีนี้ เราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุก ๆ นะคะ :D